การกระชับผิวหน้าแบบไม่ต้องผ่าตัดศัลยกรรม เป็นการรักษาที่นิยมมากในวงการเสริมความงาม เพราะสามารถตอบโจทย์คนไข้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว ไม่มีเวลาพักฟื้น และไม่อยากเจ็บตัวจากการผ่าตัด โดยวิธีที่มาแรงในปัจจุบันก็คือ Ulthera หรือ Ultherapy แต่นอกจาก Ulthera ยังมีวิธีอื่น ๆ เช่น HIFU Thermage และ Filler วันนี้เราจึงจะพาไปดูว่า Ulthera ต่างกับ HIFU Thermage Filler อย่างไรบ้าง

Ultherapy และ HIFU ต่างกันอย่างไร?

Ulthera และ HIFU เป็นเทคโนโลยียกกระชับใบหน้า ที่มีกลไกการทำงานคล้ายคลึงกัน คือ ใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวน์ยิงลงลึกถึงชั้น SMAS เพื่อยกกระชับผิว กระตุ้นคอลลาเจน โดยคลื่นอัลตราซาวน์จะกระตุ้นให้ผิวบริเวณนั้นมีอุณหภูมิสูงขึ้น เซลล์เนื้อเยื่อหดตัว และเรียงตัวเป็นระเบียบ ทำให้ผิวกระชับขึ้นนั่นเอง

แต่ Ulthera และ HIFU แตกต่างกันตรงที่ขนาดจุดโฟกัสของ Ultera มีขนาดใหญ่กว่า ทำให้สามารถยิงค่าพลังงานระดับสูงออกมาได้เสถียรและคงที่กว่า รวมทั้งเครื่อง Ultera จะมีหน้าจอแสดงชั้นผิวแบบ Real Time ทำให้มองเห็นสภาพผิวของคนไข้ตลอดเวลา และสามารถกำหนดจุดยิงได้แม่นยำขึ้น รวมทั้งผลลัพธ์หลังการทำ Ultera จะอยู่ได้นานกว่า คือ 1-2 ปี ในขณะที่ Hifu ผลลัพธ์จะอยู่ได้ 6-12 เดือนเท่านั้น

Ultherapy และ Thermage ต่างกันอย่างไร?

Ulthera และ Thermage เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยยกกระชับใบหน้าเช่นเดียวกัน แต่มีกลไกการทำงานแตกต่างกัน อย่างที่เราทราบกันว่า Ulthera เป็นการส่งคลื่นเสียงอัลตราซาวน์ แต่ Thermage เป็นการส่งคลื่นวิทยุความถี่สูงลงไปที่ชั้นผิว โดยทั้งสองสามารถยิงพลังลงลึกครอบคลุมทั้ง 3 ชั้นผิว คือ ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) ชั้นหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมัน (Subcutis) แต่ Ultera สามารถลงลึกได้มากกว่าถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับการผ่าตัดดึงหน้า Ulthera จึงยกกระชับหน้าได้ดีกว่า ในขณะที่ Thermage จะเน้นเรื่องการลดไขมันและสร้างคอลลาเจนเท่านั้น เพราะพลังงานส่งไปถึงชั้นที่อยู่ของคอลลาเจนโดยตรง อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์หลังการทำ Ultera และ Thermage จะอยู่ได้นานใกล้เคียงกัน คือ 1-2 ปี

Ultherapy และ Filler ต่างกันอย่างไร?

นอกจาก Filler จะฉีดเพื่อการเติมเต็มแล้ว ยังสามารถฉีดเพื่อยกกระชับใบหน้าได้เช่นเดียวกับ Ulthera แต่การทำงานของทั้งสองแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เนื่องจาก Uthera ยกกระชับโดยใช้เครื่องมือฉายเลเซอร์แบบคลื่นเสียงลงบนผิว เพื่อให้คลื่นไปกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ แต่การฉีดฟิลเลอร์ จะเป็นการฉีดสารเข้าไปทดแทนไขมันระดับลึกที่ขาดหายไป อันเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวหย่อนคล้อย หรือตอบลง

เลือกอย่างไรให้เหมาะกับใบหน้า

มีปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย จะเลือกทำอะไรดี? ก็ขอตอบว่าขึ้นอยู่กับปัญหาผิวและความต้องการของแต่ละบุคคล อย่างไรก็ตามเรามีข้อแนะนำในการเลือกหัตถการให้เหมาะกับใบหน้าเบื้องต้นมากฝาก ดังนี้

  • Ulthera เหมาะกับคนที่มีปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย ขาดความยืดหยุ่น ต้องการยกกระชับใบหน้า มีไขมันบนหน้าน้อย
  • Thermage เหมาะกับคนที่มีปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย มีไขมันบนใบหน้าเยอะ แนะนำว่าการยกกระชับแต่ละแบบ เหมาะกับใครบ้าง
  • Filler เหมาะกับคนที่ใบหน้ายังยืดหยุ่นดีอยู่ แต่มีความหย่อนคล้อยเพราะการยุบตัวใต้ชั้นผิว ไม่ว่าจะเกิดจากไขมัน กระดูก หรือกล้ามเนื้อ

มาถึงตรงนี้จะเห็นได้ว่าการยกกระชับใบหน้าทั้ง 3 วิธีต่างก็เป็นตัวช่วยในการยกกระชับเหมือนกัน แต่แม้จุดประสงค์ในการรักษาจะคล้ายคลึงกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันทั้งในด้านกลไกการทำงานและผลลัพธ์ที่ได้ ดังนั้นใครที่ไม่รู้จะเลือกทำอะไรดี แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นอันดับแรก เพื่อวินิจฉัยถึงปัญหาใบหน้าของเรา และแนะนำวิธีรักษาที่เหมาะสมที่สุด เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด