ที่ห้องประชุม​ อบจ.ระยอง นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผวจ.ระยอง ดร.คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือพัฒนาผลไม้อย่างครบวงจรในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ภายใต้โครงการระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก (Eastern Fruit Corridor:EFC) และแผนพัฒนาการเกษตรในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โดยมีนางสาวพจนี อรรถโรจน์ภิญโญ รองเลขาธิกาณ​ สกพอ. นายปิยะ ปิตุเตชะ นายก​ อบจ.ระยอง นายโชติชัย บัวดิษ ประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ไม้ผลจังหวัดระยอง ร่วมลงนามฯ

นางสาวพจนี เปิดเผยว่า โดยบันทึกข้อตกลงดังกล่าว จะช่วยยกระดับผลไม้ไทยให้มีคุณภาพมาตรฐานพรีเมียมระดับสากล ตั้งแต่การเพาะปลูกจนถึงการทำการตลาดด้วยนวัตกรรมใหม่ตรงตามความต้องการตลาดผู้บริโภครายได้สูง และสนับสนุนโครงการระบบห้องเย็นตามโครงการ EFC ให้เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ มีความร่วมมือสำคัญๆ ใน 4 ด้าน ได้แก่ 1.สนับสนุนกลุ่มเกษตรกรไม้ผล ได้พัฒนาทักษะการประยุกต์ใช้นวัตกรรมในการผลิต แปรรูป การค้า การตลาดยุคใหม่อย่างครบวงจร สร้างโอกาสเข้าถึงทรัพยากร เพิ่มอำนาจต่อรองตลอดช่วงการผลิตสินค้า 2.ยกระดับคุณภาพมาตรฐานผลไม้ไทย สร้างความเชื่อมั่นผู้บริโภคตลาดในและต่างประเทศ รักษาเสถียรภาพราคา ลดความเสี่ยงให้เกษตรกร 3.พัฒนาการการเก็บรักษา ยืดอายุผลผลิตให้คุณภาพ รสชาติเดิมได้นาน ด้วยการใช้ประโยชน์ระบบห้องเย็น(Blast Freezer&Cold Storage) 4.ส่งเสริมการวิจัยและต่อยอดการแปรรูปไม้ผลมูลค่าสูง ร่วมกับพันธมิตรให้ตรงตามความต้องการของตลาด และสนับสนุนด้านการตลาด

ทั้งนี้ระยะแรกกลุ่มที่เข้าร่วมลงนามเพื่อผลิตทุเรียนพรีเมี่ยม จะมีเครือข่ายกลุ่มวิสาหกิจแปลงใหญ่ 16 กลุ่ม เกษตรกรประมาณ 700 ราย พื้นที่ปลูกประมาณ 8,200 ไร่ โดยจะผลิตทุเรียนได้ปีละ 13,000 ตันต่อปี และจะขยายเครือข่ายสมาชิกให้มากขึ้นจากความร่วมมือสมาชิกให้มากขึ้น จากความร่วมมือของ อบจ.ระยอง และเกษตรกรในจังหวัดที่สนับสนุนร่วมกัน รวมทั้งขยายผลเติมในกลุ่มไม้ผลอื่นๆ ต่อไป

ด้าน ดร.คณิศ กล่าวว่า สาระการลงนามความร่วมมือครั้งนี้ จะสอดคล้องกับโครงการ EEC ที่เป็นโครงการหลักของแผนพัฒนาเกษตรใน EEC ประกอบด้วย 4 ส่วนสำคัญคือ การสร้างสินค้าให้มีคุณภาพตามความต้องการของตลาด โดย สกพอ.มุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าทุเรียนพรีเมียม การวางระบบการค้าสมัยใหม่ ผ่านระบบ e-commerce และ e-auction ผลผลิตที่ส่งออกต้องตรวจสอบและย้อนกลับได้ สร้างมูลค่าทุเรียนของภาคตะวันออก การลงทุนห้องเย็นด้วยเทคโนโลยีทันสมัย เก็บรักษาให้มีความสดใหม่ และการจัดระบบสมาชิกชาวสวนผลไม้ สหกรณ์ที่เข้าร่วมให้พัฒนาผลผลิตให้ได้คุณภาพพรีเมียม โดยการผลิตทุเรียนของไทย คาดว่าในช่วง 3-4 ปีข้างหน้า จะสูงถึง 2 ล้านตัน

ปัจจุบันผลผลิตจากระยอง คิดเป็น 10 เปอร์เซ็น หรือ 1 แสนตันต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งระบบห้องเย็นภายใต้โครงการ EEC จะสามารถจัดเก็บผลผลิต เพื่อขายในช่วงนอกฤดูเก็บเกี่วหรือช่วงขาดแคลนได้ โดยจะจัดเก็บทุเรียนได้ประมาณ 4,000 ตันต่อรอบ ซี่งหากการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพจะจัดเก็บได้มากกว่า 10,000 ตันต่อปี ช่วยรักษาความสด คงรสชาติสร้างเสถียรภาพทางราคา สามารถส่งออกทุเรียนออกขายช่วงเทศกาลสำคัญที่มีความต้องการเป็นจำนวนมาก ขายได้ราคาสูงหรือกำหนดราคาเองได้ รวมทั้งรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศให้กินทุเรียนของระยองได้ตลอดปี สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรอย่างยั่งยืน ซึ่งโครงการสร้างห้องเย็นดังกล่าว ใช้งบประมาณก่อสร้างประมาณ 400 ล้านบาท โดยมี​ ปตท.เข้ามาลงทุนมาช่วยสร้างห้องเย็นให้ และ กนอ.ให้เช่าที่ดินประมาณ 20 ไร่ในราคาถูก ซึ่งหาก ปตท.อนุมัติการลงทุนโครงการ คาดว่าจะสามารถเข้าดำเนินการได้ก่อนสิ้นปีนี้.