เมื่อวันที่ 12 พ.ค. ที่ บริเวณศาลเจ้าพ่อเซียงโด ริมอ่างเก็บน้ำห้วยแก้ว บ้านผือ ต.รัตนบุรี อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ ได้มีพิธีรำบวงสรวงเจ้าพ่อเซียงโด ในงานประเพณีบุญบั้งไฟ ประจำปี 2566 ของชุมชนบ้านผือ ต.รัตนบุรี อ.รัตนบุรี เพื่อเป็นการอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมที่มีมาแต่โบราณ ให้คงอยู่ และสืบทอดกันต่อไป โดยมี น.ส.เพียงเดือน เทพวงศ์ศิริรัตน์ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วย พระครูรัตนธรรมาภิมณฑ์ เจ้าอาวาสวัดสว่างบ้านผือ นายปรีชา สีโสดา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลรัตนบุรี นายอังกูร สีโสดา ที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ และประชาชนชาวตำบลรัตนบุรีกว่า 1,000 คน ร่วมในพิธีเปิด

โดยภายหลังจากพิธีเปิด ก็ได้มีการรำบวงสรวงเจ้าพ่อเซียงโด เพื่อเปิดงานประเพณีบุญบั้งไฟประจำปี 2566 และเพื่อขอพร ให้ฟ้าฝนตกต้องตามฤดูกาล ข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์ ซึ่งมีนางรำกว่า 200 คน ร่วมฟ้อนรำอย่างสวยงาม และหลังจากเสร็จพิธี ก็ได้มีชาวบ้านที่เลื่อมใสศรัทธา ได้เข้าไปจุดธูปกราบไหว้ขอพรที่บริเวณศาลเจ้าพ่อเซียงโด เพื่อขอโชคลาภ โดยใช้ธูปเสี่ยงทายตามความเชื่อของชาวบ้านที่มีมานาน และภายหลังจากธูปไหม้จนหมด ธูปเสี่ยงทายก็ปรากฏเป็นเลข 455 ซึ่งชาวบ้านต่างพากันฮือฮาเป็นอย่างมาก  เพราะเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี ที่มีการจุดธูปเสี่ยงทายขึ้น 

สำหรับศาลเจ้าพ่อเซียงโด ซึ่งตั้งอยู่บริเวณต้นน้ำห้วยแก้ว ที่เรียกว่า “ขอดเชียงโด” ซึ่งเป็นตาน้ำธรรมชาติที่ผุดขึ้นมาจากใต้ดิน ซึ่งมีมานานนับ 100 ปีแล้ว โดยน้ำได้ไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ที่ชื่อว่า “อ่างเก็บน้ำห้วยแก้ว” ที่ใช้ในการอุปโภคและบริโภคของชาวอำเภอรัตนบุรี มายาวนาน ปัจจุบันเป็นแหล่งน้ำประปา ของการประปาส่วนภูมิภาคสาขาอำเภอรัตนบุรี ที่ใช้สำหรับผลิตน้ำประปาแจกจ่ายไปให้กับอำเภอรัตนบุรี และอำเภอใกล้เคียง ซึ่งศาลเจ้าพ่อเซียงโด นั้น ยังไม่มีใครทราบประวัติว่ามีการสร้างมาตั้งแต่สมัยใด  แต่มีการเล่าต่อๆ กันมาว่า น่าจะมีอายุนับ 100 ปีขึ้นไป และมีความศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องขอพร และขอโชคลาภ

โดยนายนรินทร์ เพิ่มทอง อายุ 81 ปี ชาวชุมชนบ้านผือ ได้เล่าว่า ในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์นั้น ตามที่ตนได้เคยเห็นมา มีอยู่ครั้งหนึ่ง มีชาวบ้านหนองเทพ ซึ่งสมัยแต่ก่อนจะเดินทางมาซื้อของในตลาดอำเภอรัตนบุรี ต้องเดินเท้ามากันหลายคน และจะต้องมาแวะกินข้าวเที่ยงที่ยอดเชียงโด ซึ่งจะมีแหล่งน้ำผุดขึ้นจากดิน และต่างก็จะพากันมาตัดน้ำที่นี่กินกัน แต่มีอยู่คนหนึ่งที่มาด้วยติว่า น้ำที่นี่เหม็นเหมือนตด ซึ่งน้ำที่นี่จะเป็นน้ำที่ผุดขึ้นมาจากดินขาว ซึ่งดินขาวจะมีกลิ่นหอม โดยชาวบ้านที่นี่มักจะมาตักเอาไปดื่มกิน เพราะว่ามีกลิ่นหอม แต่คนที่บอกว่ามีกลิ่นเหม็นนั้น เมื่อเดินทางต่อไปตลาด ก็ไปนอนพักอยู่ที่บ้านผือใหญ่ก่อนถึงตลาด ก็ปรากฏว่าไปนอนตายเฉยๆ ซึ่งชาวบ้านต่างก็เล่าลือถึงความศักดิ์สิทธิ์กันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซึ่งชาวบ้านที่นี่ก็มักจะพากันมาไหว้ศาลเจ้าพ่อเซียงโดกันทุกปีในช่วงเดือนเมษายน โดยเฉพาะคนมีโชคลาภก็มักจะมากันบ่อย และต่างก็สมหวังกันไปตามๆ กัน