ซึ่งส่วนใหญ่วัดค่าด้วยตัวเงินที่ใครจะให้มากกว่ากัน ที่ผมพยายามใช้เครื่องคิดเลขคำนวณอยู่ว่า สุดท้ายพรรคไหนจะแจกมากกว่ากัน แต่อันที่จริงแล้ว ผมกลับไม่อยากได้ยินสิ่งเหล่านี้ แต่อยากได้ยินผู้นำเล่า “ภาพฝันในอนาคต” หรือ I have a Dream มากกว่า ทั้งนี้ ผมพยายามให้ผู้สื่อข่าวออกไปหาข้อมูลเรื่องนี้จากผู้นำพรรคต่าง ๆ แต่ก็มีแต่ความว่างเปล่า ซึ่งระหว่างนั้น ผมเหลือบเห็นหนังสือเก่าบนชั้นหนังสือชื่อ “UTOPIA มหานครในฝัน” ที่เขียนโดย ท่านเซอร์ โทมัส มอร์ ในปี ค.ศ. 1516 ในสมัยของพระเจ้าเฮนรี แห่งราชวงศ์ทิวดอร์ ซึ่งหนังสือเล่มนี้น่าจะได้แรงบันดาลใจจากหนังสือชื่อ “REPUBLIC” ของ “เพลโต” ที่ว่าด้วยเรื่องการปกครองที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งหนังสือทั้ง 2 เล่มนี้ เขียนแบบเหนือจริง เพื่อปลดปล่อยจินตนาการของประชาชนที่อยากอยู่ในประเทศที่สมบูรณ์แบบและเป็นสังคมในฝัน ที่เหล่าอัศวิน พ่อค้า และชาวนาตาดำ ๆ ต่างทำหน้าที่ของตน และอยู่ร่วมกันได้อย่างสามัคคี มีความสุข เท่าเทียม พอมี พอกิน และแบ่งปันสุขกับทุกข์อย่างเป็นธรรม ที่ทุกคนไม่ต้องหวาดกลัว สามารถนอนหลับได้อย่างสุขใจ และตื่นมาเจอวันใหม่ที่มีความหวัง ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ผมสงสัยว่าในมหานคร UTOPIA ที่มีอัศวินผู้ทรงอำนาศ มีหอก ดาบ กองทัพม้า กับมีพ่อค้าผู้มั่งคั่ง ด้วยทรัพย์สมบัติเงินทอง และทรงอิทธิพล อีกทั้งยังมีชาวนาตาดำ ๆ ที่ไม่มีอะไรเลยนั้น เค้าจะปกครองกันอย่างไรในระบอบประชาธิปไตยที่ยั่งยืน ถ้าในมหานครนั้นมีการเลือกตั้ง และพรรคต่าง ๆ จากทั้งสามกลุ่มมาเสนอตัวนั้น เค้าจะแสดงวิสัยทัศน์ที่ต่างกันอย่างไร? ที่ผมคิดภาพเล่น ๆ เรื่องนี้ว่า…

“พรรคอัศวินม้าขาว” คงจะเสนอว่า “เราจะอนุรักษ์ UTOPIA ของเราไว้ให้งดงามดั่งวันวาน” พร้อมกับหาเสียงด้วยการบอกว่า มหานครของเรามีเอกราชมาช้านานจนทุกวันนี้ ก็เพราะด้วยเหล่าอัศวินผู้พิทักษ์ ซึ่งถ้าเหล่าอัศวินผู้กล้าได้ปกครองมหานครนี้ต่อ ชาว UTOPIA ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมารุกราน เพราะเราจะสร้างกำแพง คูเมือง ประตู หอรบใหม่ เพื่อป้องกันศัตรู และเราจะเกณฑ์อัศวินหนุ่ม ๆ มาเสริมทัพอันเกรียงไกรของเรา นอกจากนี้ ภายในเมือง เราจะจัดอัศวินขี่ม้าขาวคอยตรวจตรา ไม่ให้เกิดความขัดแย้ง เพื่อให้ประชาชนดำเนินชีวิตด้วยความสงบสุขปลอดภัย และเหล่าอัศวินของเรามีเกียรติ และไม่คดโกง บางครั้งที่เราเห็นอัศวินคนใดแอบขนหีบสมบัติหลวงกลับบ้าน เราก็มีกติกาของเรา และมีคณะลูกขุนที่แต่งตั้งโดยอัศวินพวกเดียวกัน คอยดำเนินการตามขั้นตอนอย่างลับ ๆ แต่ยุติธรรม ดังนั้นไม่ต้องเป็นห่วง เพราะ UTOPIA ของเราจะยังคงมีเอกราช สงบสุข และคงรักษาความงดงามไว้ดั่งวันวาน โดยพรรคขอเสนอ SDG 16 ที่เป็น “สันติภาพกับความมั่นคงยุติธรรม”

ขณะที่ “พรรคอัศวินโต๊ะกลม” ก็คงเสนอว่า “เราจะก้าวข้ามความขัดแย้ง และประสานพลังอัศวินโต๊ะกลมสิบทิศ” เพราะพวกเราเป็นอัศวินสมัยใหม่ เรารู้ว่ายุคทองของอัศวินโบราณกำลังจะจบลง และเราเห็นความแตกแยกของเหล่าอัศวิน พ่อค้า และชาวนาที่ยากจนที่อาจจะลุกลามเป็นสงครามกลางเมืองได้ ซึ่งเราเป็นอัศวินโต๊ะกลมที่จับมือได้กับทุกคน และพร้อมเป็นตัวเชื่อมระหว่างยุคใหม่กับยุคเก่า เพื่อช่วยให้ทุกคนก้าวข้ามความขัดแย้ง นอกจากนี้พรรคอัศวินโต๊ะกลมของเราจะประสานผลประโยชน์ และรวมพลังเหล่าพ่อค้ากับชาวนาที่ยากจนอย่างเท่าเทียม โดยใช้กฎผลประโยชน์ร่วมที่เราเป็นผู้กำหนด ซึ่งชาวนาที่ยากจนจะได้ขนมปังและซุปฟรี รวมถึงมีเบี้ยพิเศษมอบให้ ตามที่เราจัดสรรให้อย่างเป็นธรรม และเราจะเตรียมที่นั่งสำหรับตัวแทนของพ่อค้าและชาวนาในโต๊ะกลมอันทรงเกียรติ ส่วนที่ยังไม่มีชุดอัศวิน เราก็มีเพื่อนใจดีที่ให้ยืมชุดได้ และพรรคของเราขอเสนอ “SDG 17” ที่เป็น “ความร่วมมือกันเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน”

ส่วน “พรรคพ่อค้าท้องถิ่นหรรษา” นั้น ก็คงจะเสนอว่า “เราจะสร้างอนาคตที่อยู่ดี มีสุข หรรษา” เพราะพรรคของเรารู้ว่าอัศวินมีข้อดีอะไร? มีข้อเสียอย่างไร? และเรายังให้ความเคารพในคุณูปการที่เหล่าอัศวินผู้กล้าเสียสละรักษาเอกราชของมหานครนี้ไว้ แต่ตอนนี้ชาว UTOPIA นั้น ต้องทนทุกข์มานาน และต้องการความสุขจากผู้นำแบบใหม่ ที่เป็นพ่อค้ามาช่วยดูแลการทำมาค้าขายให้รุ่งเรือง ซึ่งพรรคของเรานั้น จะเปิดเส้นทางใหม่เพื่อเชื่อมโยงเมืองต่าง ๆ ของ UTOPIA ให้ติดต่อค้าขายกันได้อย่างเสรี เพราะเมื่อค้าขายกันได้คล่อง ชาวนาของเราก็จะร่ำรวย และไม่ต้องรอคอยการแจกเศษขนมปังกับซุปเย็นฟรี ๆ อีกต่อไป กับเมื่อร่ำรวยแล้ว ก็ต้องมีสุขภาพดี ซึ่งเราจะมีโรงซ่อมสุขภาพกระจายทั่วเมือง กับมีสนามแข่งรถลาก มีสนามตีคลี มีการส่งเสริมสมุนไพรพันธุ์ใหม่มาช่วยรักษาโรค และเพื่อเพิ่มความสุขสันต์หรรษาเสรีถ้วนหน้า ซึ่งจะทำให้ UTOPIA ของเราจะกลับมาเป็นมหานครแห่งความสุข มีสุขภาวะที่ดี และเป็นมหานครที่ใคร ๆ ก็อยากแวะเวียนมาเยี่ยมเยียน โดยพรรคของเรานั้นขอเสนอ “SDG 3” ที่เป็นเรื่องของ “การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี”

ด้าน “พรรคพ่อค้าไซเบอร์ระดับโลก” ก็คงจะเสนอว่า “เราจะทวงคืนวันดี ๆ ในอดีตให้หวนคืนมา” โดยถ้าให้พ่อค้าระดับโลกอย่างเราปกครอง เราจะกระตุ้น กระตุ้น และกระตุ้น เหมือนกับการปั๊มหัวใจคนป่วยขึ้นมา แล้วรักษาให้กลับไปวิ่งได้โดยเร็ว ซึ่งชาวนาทุกคนใน UTOPIA นั้น เตรียมตัวรอรับขนมปังดิจิตอลได้เลย และพรรคของเราจะทำให้ UTOPIA เปลี่ยนแปลงจนจำภาพเดิมไม่ได้ นอกจากนี้ เราทุกคนจะรวย รวย และรวย ซึ่งเหล่าพ่อค้ากับชาวนาจะแบ่งเค้กกันอย่างอิ่มหมีพลีมันตามที่เราจัดให้ และเราจะส่งให้เหล่าอัศวินจะกลับไปทำหน้าที่รักษาเอกราชเช่นเดิม โดยควบคุมไม่มายุ่งกับสิ่งที่เค้าทำไม่เป็น เราจะชุบชีวิตมหานครนี้ขึ้นมาใหม่อีกครั้งให้มีมาตรฐานระดับโลก และช่วยชาวนาที่ยากจนให้ลืมตาอ้าปากได้ โดยพรรคของเราขอเสนอ SDG 8” ที่เป็น “การสร้างการจ้างงาน และเศรษฐกิจที่เติบโตแบบก้าวกระโดด”

สุดท้ายคือ “พรรคชาวนาตาดำ ๆ” ที่ก็คงจะเสนอว่า “เราจะทำให้ชาวนาทุกคนเห็นฟ้าสีทองผ่องใส” ด้วยการช่วยให้ชาวนาสามารถเติบโตเป็นใหญ่ได้ใน UTOPIA เพื่อให้ชาวนาที่ยากจนอย่างพวกเรา ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของมหานครนี้ ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ และปลดปล่อยจากการที่ถูกพวกอัศวินกับพ่อค้ากดทับมานาน จึงถึงเวลาแล้วที่เราจะสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่โดยชาวนา ซึ่งต้องได้ปกครอง UTOPIA แห่งนี้ อีกทั้งเราจะรื้อระบบต่าง ๆ แบบพลิกฟ้าดิน กับขจัดการรั่วไหลจากการทุจริตคดโกง นอกจากนั้น เราจะสร้างความเสมอภาคที่แท้จริง โดยต่อไปนี้ทุกคนจะเป็นคนที่มีค่าเท่ากันใน UTOPIA ดังนั้นพรรคของเราจึงขอเสนอ “SDG 10” ที่เป็นเรื่อง “การลดความเหลื่อมล้ำและไม่เท่าเทียม”

ทั้งหมดนี้เป็นภาพที่ผมวาดไว้ หากว่าเกิดมีการเลือกตั้งใน UTOPIA ซึ่งในฐานะชาวนาคนหนึ่งใน UTOPIA ผมคงฝันตามวาทกรรมของแต่ละพรรคด้วยรอยยิ้มแห่งความหวัง ที่ถึงแม้จะยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกพรรคไหนดี และไม่รู้เลยว่าเขาได้ซ่อนอะไรไว้ในความฝันอันแสนหวานนั้น แต่ผมเชื่อว่าการแข่งขันกันสู่อำนาจระหว่างคนที่มีอาวุธ คนที่มีเงิน และคนที่ไม่มีอะไรเลยนั้น ก็ยังคงจะดำเนินต่อไปใน UTOPIA ถึงแม้เวลาจะผ่านไปหลายร้อยปีแล้วก็ตาม เพราะผมเชื่อว่า I (still) have a Dream.