เมื่อวันที่ 2 ก.ย. ที่ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. พร้อมด้วย นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นางสาวปฐมา จันทรักษ์ รองประธานด้านการขยายธุรกิจในกลุ่มประเทศอินโดจีน และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด และนายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) นางจินดารัตน์ ชโยธิน ที่ปรึกษาของผู้ว่าฯ กทม.และโฆษกของ กทม. และ ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกของ กทม. ร่วมแถลงข่าวผลการดำเนินงานวัคซีนไทยร่วมใจฯ และการให้บริการวัคซีนในระยะต่อไป ผ่านระบบ Cisco Webex Meeting
ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ที่ขยายวงกว้างและมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก จึงต้องเร่งดำเนินการให้ประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะประชาชนกลุ่มเสี่ยงและในพื้นที่เสี่ยง เพื่อป้องกันและควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว กทม.ได้ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หอการค้าไทย โรงพยาบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมสถานที่ฉีดวัคซีนของภาคเอกชน หรือ “หน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 กรุงเทพมหานคร-หอการค้าไทย”
พร้อมให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 นอกโรงพยาบาลไว้ จำนวน 25 จุด รวมทั้ง กทม. ได้ร่วมกับหอการค้าไทย ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด จัดทำโครงการ “ไทยร่วมใจ กรุงเทพฯ ปลอดภัย Safe Bangkok” เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 นอกโรงพยาบาล โดยพัฒนาระบบ “ไทยร่วมใจ กรุงเทพปลอดภัย” เพื่อรับลงทะเบียนจองสิทธิ์ฉีดวัคซีนฯ ผ่านช่องทางต่างๆ เพื่อกระจายวัคซีนให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครได้อย่างทั่วถึง
ที่ผ่านมา การให้บริการฉีดวัคซีนผ่านโครงการไทยร่วมใจฯ ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 จนถึงปัจจุบัน ได้ฉีดวัคซีน AstraZeneca เข็ม 1 และเข็ม 2 รวมทั้งสิ้น 1,479,589 โด๊ส และตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. – 21 ส.ค. 64 ให้บริการเฉพาะการฉีดวัคซีน AstraZeneca เข็ม 1 รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,361,511 โด๊ส แบ่งเป็น 1. ผู้ที่มีอายุ 18 – 59 ปี จำนวน 1,045,219 โด๊ส และ 2. ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค จำนวน 316,292 โด๊ส โดยฉีดได้สูงสุดในวันที่ 27 ส.ค. ฉีดได้ 71,789 โด๊ส ในส่วนของการฉีดวัคซีน AstraZeneca เข็ม 2 ให้บริการมาตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค. – 1 ก.ย.64 รวมทั้งสิ้น 79,567 โด๊ส ซึ่งตามกำหนดจะฉีดถึงวันที่ 20 พ.ย. 64
นายสนั่น กล่าวว่า หอการค้าไทยและ กทม. ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานพันธมิตรที่เข้ามาช่วยสนับสนุนให้โครงการนี้สำเร็จลุล่วงไปได้อย่างดี ประกอบด้วย ห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีกค้าส่งขนาดใหญ่ ธนาคาร และสถานศึกษา ที่ได้ให้ความอนุเคราะห์สถานที่และอาสาสมัครมาช่วยงาน โรงพยาบาลทั้ง 19 โรงพยาบาล ที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการส่งบุคลากรทางการแพทย์มาช่วยสนับสนุนการฉีดวัคซีน และการให้คำแนะนำที่ถูกต้องในเรื่องการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน หน่วยงานที่ดูแลระบบไทยร่วมใจและรับลงทะเบียนทั้งธนาคารกรุงไทย ไอบีเอ็ม และร้านสะดวกซื้อ และเครือข่ายมือถือที่ให้บริการ Call Center ทั้ง TRUE AIS DTAC ขณะนี้ทั้ง 25 หน่วยฯ อยู่ระหว่างการให้บริการวัคซีน เข็มที่ 2 แก่ประชาชน
นางสาวปฐมา กล่าวว่า ที่ผ่านมาเป้าหมายและความจำเป็นเร่งด่วนคือการกระจายวัคซีนให้มีประสิทธิภาพอย่างปลอดภัยที่สุด และที่สำคัญให้ประชาชนได้รับวัคซีนโดยเร็วที่สุด เพื่อลดการแพร่ระบาด ให้ประเทศและธุรกิจกลับมาดำเนินได้ตามปกติอีกครั้ง ซึ่งตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ไอบีเอ็ม ในฐานะที่ดูแลเรื่อง IT Operations ได้ทำงานร่วมกับทีมจากธนาคารกรุงไทยที่ทำระบบการจองวัคซีนและระบบบริหารจัดการ รวมถึงจิตอาสาตัวแทนจากทุกองค์กรที่มีความสามารถหลากหลาย เข้ามาทำหน้าที่ช่วยบริหารจัดการศูนย์ฉีดทั้ง 25 แห่งให้ออกมาดีที่สุด มีการเว้นระยะห่างที่เหมาะสม และประชาชนได้รับการบริการที่สะดวกรวดเร็วที่สุด จนทำให้โครงการไทยร่วมใจสามารถจัดฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้อย่างราบรื่น สำหรับประชาชนที่ได้รับนัดหมายฉีดวัคซีน เข็ม 2 แต่ไม่สะดวกในวันที่นัดหมาย สามารถเดินทางมารับวัคซีนได้จนถึงวันที่ 4 ก.ย.นี้ ณ หน่วยฉีดซึ่งได้จองคิวไว้ในระบบ
นายผยง กล่าวว่า ธนาคารกรุงไทยได้พัฒนาระบบลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.ไทยร่วมใจ.com ประชาชนทั่วไปที่ไม่เคยลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการภาครัฐ และพัฒนาระบบลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่น เป๋าตัง สำหรับประชาชนที่เคยเข้าร่วมโครงการภาครัฐมาแล้ว ซึ่งสะดวก รวดเร็ว เพราะมีข้อมูลอยู่ในระบบแล้ว จึงไม่ต้องกรอกข้อมูลส่วนตัวเพิ่ม ซึ่งโครงการไทยร่วมใจฯ นับเป็นโครงการตัวอย่าง ที่ภาครัฐได้ต่อยอดจากการนำเทคโนโลยี และดิจิทัลแพลตฟอร์มมาใช้ในการจัดทำโครงการช่วยเหลือและเยียวยาประชาชน ผ่านแอพพลิเคชั่น เป๋าตัง ซึ่งเป็น Open platform เปิดให้ทุกคนมาใช้งานได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีบัญชีกรุงไทย ทำให้การลงทะเบียนโครงการไทยร่วมใจฯ เป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว โปร่งใส มีประสิทธิภาพ และช่วยให้ภาครัฐใช้ประโยชน์จากข้อมูลการลงทะเบียน สำหรับการจัดทำโครงการอื่นๆ ในอนาคต
ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้หน่วยบริการฉีดวัคซีนไทยร่วมใจอยู่ระหว่างการบริการวัคซีนโควิด-19 เข็มที่ 2 แก่ประชาชน จนถึงวันที่ 4 ก.ย.64 เมื่อให้บริการจนครบแล้วจะสำรวจจำนวนวัคซีนอีกครั้ง ซึ่งหากมีวัคซีนเหลือเพียงพอจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้ลงทะเบียนจองฉีดวัคซีนผ่านโครงการไทยร่วมใจฯ ในระยะต่อไปทันที รวมทั้ง 25 หน่วยฉีด ยังคงพร้อมร่วมมือกับกรุงเทพมหานครในการให้บริการวัคซีนกับประชาชนต่อเนื่องเช่นกัน
ทั้งนี้ ภาพรวมของการให้บริการวัคซีนโควิด-19 ของกทม. ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.-1 ก.ย.64 จากเป้าหมาย 7,699,174 คน โดยมีผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 7,059,354 คน (คิดเป็นร้อยละ 91.69) ครบ 2 เข็ม จำนวน 1,888,779 คน (คิดเป็นร้อยละ 24.53) โดยกลุ่มเป้าหมายรับวัคซีน ประกอบด้วย กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ (รับวัคซีนครบแล้ว) กลุ่มผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป (รับวัคซีนเข็ม 1 แล้ว ร้อยละ 97.40 และเข็ม 2 ร้อยละ 11.86) กลุ่มบุคคลที่มีโรคประจำตัว 7กลุ่มโรค (รับวัคซีนเข็ม 1 แล้ว ร้อยละ 77.60 และเข็ม 2 ร้อยละ 11.98) กลุ่มเจ้าหน้าที่บุคลากรด่านหน้า (รับวัคซีนเข็มครบแล้ว) กลุ่มประชาชนทั่วไป (รับวัคซีนเข็ม 1 แล้ว ร้อยละ 92.04 และเข็ม 2 ร้อยละ 25.59) และกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ (รับวัคซีนเข็ม 1 แล้ว ร้อยละ 29.75 และเข็ม 2 ร้อยละ 1.52)