สถานการณ์การเมืองในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ วันที่ 31 ส.ค.-3 ก.ย. ก่อนโหวตลงมติ ในวันที่ 4 ก.ย. นี้ ตามคิวโหวต 1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม 2.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข 3.นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน 4.นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม 5.นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ 6.นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ซึ่งศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ถือว่าเดือดสุดๆ ไม่ใช่ ศึกระหว่าง “ฝ่ายค้าน” กับ “ฝ่ายรัฐบาล” แต่เป็นการเปิดศึกผ่านสื่อระหว่าง “บิ๊กตู่” นายกรัฐมนตรี และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ผู้มากบารมี ที่เปิดศึกผ่านสื่อกันอย่างเผ็ดร้อน หลังก่อนหน้านี้มีกระแส โหวตคว่ำนายกรัฐมนตรี โดยมีกระบวนการแกนนำรัฐบาลจับมือพรรคเพื่อไทย
จนสุดท้าย “นายกรัฐมนตรี” ให้สัมภาษณ์สื่อจริงจังประกาศ ไม่ปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่ยุบสภาในตอนนี้ เรื่องการโหวตล้มนายกฯ ถ้ามันจริง ถือว่าถือว่า ไม่ใช่สุภาพบุรุษ เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่ต้องมาทําอย่างนั้นทําไปเพื่ออะไร พร้อมยืนยัน ไม่มีการยุบสภา ไม่มีการปรับ ครม. เรากำลังทำงานหนักอยู่ ทำงานสำคัญอยู่จะยุบไปทำไม ยุบได้ยังไง ส่วนการแอบอ้าง จะมีการเปลี่ยนตัว แอบอ้างเบื้องสูง ถือว่ามีความผิดอย่างร้ายแรง ตนคนเดียวเท่านั้นที่ได้มีโอกาสถวายข้อราชการ คนอื่นไม่มี ชัดเจนมั้ย
เคลียร์ชัดๆ “ใครเชื่อก็โง่” พร้อมขู่ ใครที่ออกไปพูดลักษณะนี้ ระวังตัวไว้ด้วยแล้วกัน??
ซึ่งถึงแม้ “บิ๊กตู่” ไม่บอกว่าเป็นใคร แต่คอการเมืองรู้กันอยู่แล้วว่าหมายถึงใคร เพราะคล้อยหลังไม่กี่ชั่วโมง ร.อ.ธรรมนัส ก็แถลงเดือดยืนยันข่าวไม่เป็นความจริง พร้อมย้ำว่า ขบวนการมีหรือไม่มีต้องไปถามคนเต้าข่าวว่าต้องการอะไรแน่ คนเต้าข่าวไม่ใช่ฝ่ายค้าน พรรคฝ่ายรัฐบาล ไอ้ห้อย ไอ้โหน ทั้งหลาย ชอบเลียแข้งเลียขา สำเหนียกซะบ้าง ผมรู้หมดแล้ว บางคนบันทึกเทปไว้หมดแล้ว ระวัง เดี๋ยวเจอกัน”
แต่การเคลียร์ของ ร.อ.ธรรมนัส มีข้อสังเกต เห็นร้อยร้าวไม่พอใจ “นายกรัฐมนตรี” โดยเฉพาะเมื่อถูกสื่อถามย้ำว่า ต้องเคลียร์กับนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ซึ่งร.อ.ธรรมนัส ระบุว่า ไม่ได้คุยกับนายกฯ เพราะคุยกับหัวหน้าพรรค และนายกฯ ก็พูดตลอดเวลาว่าจะคุยเฉพาะหัวหน้าพรรค เราเป็นลูกพรรคและเป็นเลขาธิการพรรคก็ต้องคุยกับหัวหน้าพรรค กินข้าวคุยด้วยกันทุกวัน เช่นเดียว “บิ๊กตู่” ก็ประกาศไม่คุยกัย ร.อ.ธรรมนัส แต่คุยกับหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเท่านั้น
ดังนั้นในขณะที่ “คนกลาง” อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็แบ่งรับ แบ่งสู้ เข้าข้าง “บิ๊กตู่” น้องรัก ขณะเดียวก็เปิดทางให้ ร.อ.ธรรมนัส “ลูกรัก” หารือในห้องทำงานและที่ป่ารอยต่อฯทุกวัน
จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่า ขณะที่กระแสวิพากษ์วิจารณ์ ว่า “คนกลาง” ไฟเขียวในเรื่องนี้หรือไม่ แล้วทำไม “ลูกรัก” เจ้าของฟาร์มงูเห่า ไร่กล้วย จึงกล้าเปิดหน้าเคลื่อนล้ม “น้องรัก” โดยมีกระแสข่าวส่งเสบียง ไร่กล้วยจากต่างแดน มาช่วยเสริมทัพวัดกำลังในครั้งนี้ด้วย ดังนั้น วันเสาร์ที่ 4 ก.ย.นี้ ในการโหวตศึกอภิปราย ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด ว่าจะส่งสัญญาณทางการเมืองอย่างไร
ถ้าสมมุติว่า “บิ๊กตู่” ชนะ ก็แสดงว่าความสัมพันธ์ “3 ป.” ยังปึ้ก และต้องจับตา “บิ๊กป้อม” ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะจัดการกับแกนนำที่ออกมาเคลื่อนไหวล้ม “นายกรัฐมนตรี” อย่างไรหรือไม่ เพื่อลดความหวาดระแวงและเพื่อดำรงเสถียรภาพรัฐบาลให้ยาวนานที่สุด