นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยภายหลังการประกาศความร่วมมือกับหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) และคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อดำเนินโครงการการปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมไทยสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนว่า เตรียมนำร่องใน 5 อุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ ปิโตรเคมี, วัสดุก่อสร้าง, อาหาร, ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม ขับเคลื่อนสู่โมเดลเศรษฐกิจใหม่บีซีจี หรือเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว ที่เป็นวาระแห่งชาติเกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ซึ่งจะมีส่วนสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพี เป็น 4.4 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 24% ของจีดีพี ในปี 69-70 ตามที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้   

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ส.อ.ท. เน้นการขับเคลื่อนบีซีจี โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมนำร่อง 5 คลัสเตอร์ที่เป็นกลุ่มที่มีการเชื่อมโยงกับผู้ประกอบการทุกขนาดโดยเฉพาะเอสเอ็มอี และเป็นอุตสาหกรรมที่เป็นจุดแข็งของไทย ให้เกิดเป็นรูปธรรมและสัมฤทธิผล เพื่อสร้างทางเลือกแผนธุรกิจที่มีศักยภาพสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมและร่วมจัดทำคู่มือบทเรียนความสำเร็จ จาก 5 คลัสเตอร์ เพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรมอื่นๆนำหลักการบีซีจี ไปปรับใช้ให้สอดคล้องกับเป้าหมายรัฐบาลและโลกที่กำลังพัฒนาเศรษฐกิจ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้น้อยลง และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เกิดเป็นรูปธรรม    

นายจักรพันธ์ สุทธิรัตน์ รองอธิการบดี ด้านการวิจัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ความร่วมมือโครงการนี้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จะส่งเสริมและสนับสนุนในด้านวิชาการ ทั้งในเชิงองค์ความรู้เกี่ยวกับเซอร์กูลา อิโคโดมี และวิธีการวิจัยที่เป็นมาตรฐาน เพื่อใช้เป็นแนวทางการทำโฟกัส กรุ๊ป และจัดทำไกด์ไลน์ เพื่อให้ผู้ประกอบการในคลัสเตอร์อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง สามารนำแนวทางไปปรับใช้ และพัฒนาธุรกิจ เพื่อให้สามารถแข่งขันได้  

นายสิรี ชัยเสรี ผู้อำนวยการ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) กล่าวว่า โครงการฯจะเน้นการศึกษาวิจัยบีซีจี โมเดล ทางวิชาการและสร้างการเรียนรู้ แลกเปลี่ยนแนวทางการดำเนินธุรกิจบีซีจี นำไปสู่การปรับใช้ในทางธุรกิจให้เกิดขึ้นจริง หลังจากที่ผลการศึกษาเสร็จสิ้น บพข. และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องมีความพร้อมที่จะสนับสนุนผู้ประกอบการในโครงการ ด้วยนโยบายการสนับสนุนทางการเงิน ภาษี การลงุทน กฎระเบียบ การพัฒนาทรัพยากรบุคคล โครงสร้างพื้นฐาน การวิจัยและพัฒนา และการตลาด เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถสร้างประโยชน์จากผลการวิจัยโครงการฯ ให้เกิดขึ้นจริงกับธุรกิจ