ผู้ป่วยรายนี้มีอาการแตกต่างจากผู้ที่ติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์หรือไม่? ดูเหมือนจะมีความเกี่ยวข้องกันระหว่างการมีเพศสัมพันธ์และการมีรอยโรคที่อวัยวะเพศหรือทวารหนัก บุคคลนี้ไม่มีรอยโรคในบริเวณนั้น บางทีอาจยืนยันว่า การมีเพศสัมพันธ์ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการได้มาของบุคคลนี้ แต่กรณีหนึ่งไม่ใช่หลักฐานขั้นเด็ดขาด จำเป็นต้องมีการศึกษาขนาดใหญ่เพื่อแสดงให้เห็นว่าอาการแตกต่างกันไปตามรูปแบบการแพร่กระจาย เป็นเรื่องยากเนื่องจากผู้ป่วยส่วนใหญ่ในการระบาดเป็นผู้ชายที่มีคู่นอนหลายคน ดูเหมือนว่าไวรัสโรคฝีดาษลิงสามารถเดินทางไปยังตำแหน่งต่าง ๆ ในร่างกาย และตรวจพบได้ไม่เพียงแค่รอยโรคที่ผิวหนังเท่านั้น แต่ยังพบในน้ำลาย น้ำอสุจิ จมูก คอ ตา และทวารหนัก ด้วย

อย่างไรก็ตาม เพียงเพราะตรวจพบไวรัสไม่ได้หมายความว่าสามารถแพร่เชื้อได้โดยทั่วไป ยิ่งปริมาณไวรัสมากเท่าใด ความเสี่ยงในการแพร่เชื้อก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ในรายงานนี้ แพทย์สามารถหาปริมาณของไวรัสที่มีอยู่ และปริมาณของไวรัสในรอยโรคที่ผิวหนังนั้นสูงกว่าในบริเวณอื่น ๆ มาก ซึ่งสนับสนุนแนวคิดที่ว่าการสัมผัสทางผิวหนังเป็นเส้นทางหลักในการแพร่เชื้อ

เหตุใดจึงไม่มีการแพร่เชื้อระหว่างชายและหญิงมากกว่านี้ เป็นคำถามที่น่าสนใจ และยังมีอีกหลายคำถามที่ยังไม่มีคำตอบ เป็นไปได้ที่การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรคฝีดาษลิงมากกว่าการมีเพศสัมพันธ์แบบอื่น เช่นเดียวกับการแพร่เชื้อเอชไอวี เยื่อบุทวารหนักมีหลอดเลือด และเซลล์ภูมิคุ้มกันอื่น ๆ ที่ทำให้มีแนวโน้มที่จะติดเชื้อมากขึ้น มีความเสี่ยงที่จะเกิดรอยถลอกมากขึ้นด้วย

แพทย์กำลังพิจารณาคำถามนั้นและคำถามอื่น ๆ อีกมากมาย ตัวอย่างเช่น คนจะแพร่เชื้อได้นานแค่ไหน?, คนสามารถแพร่เชื้อก่อนที่จะมีอาการได้หรือไม่?, ถ้าเป็นเช่นนั้นไวรัสติดต่อได้อย่างไร?, เราไม่รู้เรื่องที่แน่นอน ความรู้ในปัจจุบันคือการแพร่เชื้อก่อนแสดงอาการไม่น่าเป็นไปได้ แต่เราไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด

นอกจากนี้ เรายังจำเป็นต้องทำความเข้าใจให้ดียิ่งขึ้นว่าวัคซีนและยาที่ใช้ในปัจจุบันทำงานได้ดีเพียงใด และสามารถป้องกันการแพร่เชื้อของโรคได้หรือไม่ เราจำเป็นต้องรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมในหลาย ๆ ด้านเพื่อทำความเข้าใจกับโรคฝีดาษลิงอย่างถ่องแท้

อ่านตอนที่เเล้ว โรคฝีดาษลิง : การมีเพศสัมพันธ์มีความเกี่ยวข้องอะไรด้วย? (2)

———————————–
ศ.น.ท.ดร.นพ.สมพล เพิ่มพงศ์โกศล