นายพลวัฒน์ เสนพงศ์ ผู้บริหารบริษัท เทพทัย เฮิร์บ จำกัด กล่าวว่า ทางบริษัทได้เล็งเห็นสรรพคุณของพืชกระท่อม สมุนไพรไทยที่ทางภาครัฐได้ทำการปลดล็อกพืชกระท่อม ออกจากบัญชียาเสพติดประเภทที่ 5 โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา จากการปลดล็อกครั้งนี้รวมถึงด้วยสถานการณ์ ของการระบาดจากโคโรนาไวรัสที่ทำให้สภาพเศรษฐกิจฐานรากต่างๆได้รับผลกระทบ การศึกษา วิจัย ค้นคว้าพืชสมุนไพรกระท่อม ทางบริษัทได้ทุ่มทุนลงไปกว่า 40 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมเกษตรกรให้มีรายได้หมุนเวียนในครัวเรือนพร้อมทั้งสนองนโยบายรัฐบาลในการผลักดันพืชกระท่อมให้เป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่สามารถส่งขายเชิงพาณิชย์ ในส่วนของโรงงานผลิตได้สร้างตามหลักมาตรฐานโรงงานที่จังหวัดสุพรรณบุรีบนเนื้อที่กว่า 4 ไร่ ในอนาคตรับรองว่าลูกค้าจะได้คุณภาพสินค้าอันสูงสุดและได้รับตัวสินค้าที่รวดเร็ว

โดยเทพทัย เฮิร์บได้เล็งเห็นประโยชน์ของพืชสมุนไพรกระท่อมจึงได้ทุ่มทุนวิจัยคิดค้นผลิตภัณฑ์และกระบวนการในการผลิต โดยลองผลิตออกมาเป็นน้ำสมุนไพรหลากหลายรสชาติ ทำการแปรรูปเป็นชาชงเพื่อสุขภาพ กาแฟและผลิตภัณฑ์อีกหลายชนิดที่มีสมุนไพรกระท่อมเป็นส่วนประกอบ

ด้าน นางสาวธิรนันท์ เถาเล็ก ตัวแทนเกษตรกร ได้กล่าวว่า สมุนไพรพืชกระท่อมที่ได้ส่งให้บริษัท เทพทัย เฮิร์บ นั้น เป็นสายพันธุ์เฉพาะ “ก้านแดง” และ “ก้านเขียว” ที่เพาะปลูกในพื้นที่ตำบลบ้านนา อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร ในอนาคตสามารถส่งโรงงานแปรรูปไม่ต่ำกว่า 7 – 10 ตัน เพื่อป้องกันไม่ให้วัตถุดิบขาดตลาด ทั้งนี้เกษตรกรมีรายได้จากพืชสมุนไพรกระท่อมอยู่ที่กิโลกรัมละ 200 บาท รายได้จากการขายพืชสมุนไพรกระท่อมทำให้หลายๆครัวเรือนมีเงินหมุนเวียนในสภาวะระบาดของโคโรน่าไวรัส และสามารถทำให้หลายๆครัวเรือนดำรงชีพได้ต่อไป