Karoji Mitsuri หนึ่งใน 9 เสาหลักของหน่วยพิฆาตอสูร ผู้มีบทบาทใน ดาบพิฆาตอสูรภาคหมู่บ้านช่างตีดาบ (Sword Smith Village Arc) และเป็นหนึ่งในเสาหลักที่ได้รับความนิยมมากที่สุด อันดับที่ 6 จากผู้อ่านและผู้ชมของดาบพิฆาตอสูร (จากการจัดอันดับจาก Ritwik Mitra ในเดือนมีนาคม 2023) วันนี้เราจะมาเจาะลึกกันว่าทำไมเราถึงนิยามเธอว่าเป็น “เสาหลักแห่งความรักที่ไม่สมหวังในรัก” กันนะ ไปดูกันเลยครับ

Mitsuri Kanroji: Powers & Abilities (& 10 Other Questions Answered)
© Koyoharu Gotouge / SHUEISHA Inc.

Mitsuri หญิงสาวผู้เปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อความรัก

ในตอนเล่าย้อนอตีด Mitsuri เธอก็เป็นผู้หญิงทั่วไปคนหนึ่ง ในตอนนั้นเป้าหมายของเธอคือ ต้องการใครสักคนมาเป็นสามี (วัฒนธรรมของญี่ปุ่นในสมัยก่อน) ด้วยหน้าตาที่น่ารัก แถมยังสวยมาก ๆ ทำให้สามารถหาชายหนุ่มจะเขามาแต่งงานด้วยไม่ยากนัก แต่พอเอาเข้าจริงแล้ว พอทั้งสองได้มากรู้จักกันจริง ๆ แล้ว ผู้ชายกลับบอกว่า ตัว Mitsuri ไม่มีคุณสมบัติของการที่เป็นผู้หญิงที่ดีเลยแม้แต่น้อย ซึ่งทุกท่านต้องเข้าใจว่า ในดาบพิฆาตอสูรนั้นไม่ได้มี Setting เดียวกับในยุคปัจจุบันเหมือนอนิเมะที่ออกใหม่ในช่วงนี้ อย่าง มหาเวทย์ผนึกมาร Jujutsu Kaisen ในดาบพิฆาคอสูรนั้นจะมี Setting อยู่ในซึ่งในยุคนั้นเป็นยุคไทโช ในช่วงปี 1912 ที่วัฒนธรรมการเป็น “ภรรยาที่ดีแม่ที่ฉลาด” มีอิทธิพลอย่างมากต่อหญิงสาวในประเทศญี่ปุ่น 

Kanroji Mitsuri | Demon, Cute anime profile pictures, Slayer
© Koyoharu Gotouge / SHUEISHA Inc.

ซึ่งตัว Mitsuri เองนั้นถูกมองว่ามีเธอคุณสมบัติ “ตรงข้าม” กับหลักการทั้งหมด เช่นการที่ เธอเป็นผู้หญิงแข็งแกร่ง ใช่ครับเธอแข็งแกร่งมาก ๆ ถึงขนาดที่ตอนเด็ก สามารถยกหินขนาด 33 ปอนด์ โชว์แม่ของเธอได้แบบชิลชิล หรือการที่ เธอนั้นเป็นคนที่กินเก่งมาก ตามข้อมูลในมังงะ จากคำบอกเล่าของ Obanai เสาหลักอสรพิษ ว่า เธอนั้นสามารถรับประทานมิตาระชิดังโงะได้ถึง 100 ลูก ภายในมื้อเดียว 

หรือแม้แต่ สีผมของเธอที่เป็นสีชมพูตัดเขียว ที่เป็นเอกลักษณ์และตราตรึงใจเหล่าผู้อ่านผู้ชมดาบพิฆาตอูสร ก็เคยทำให้เธอ ไม่ได้แฟนมาแล้วแถมยังเป็นที่รังเกียจ จนผู้ชายที่จะแต่งงานถึงกับบอกว่า “มีเพียงหมี หมูป่า หรือวัวเท่านั้นที่สามารถแต่งงานกับเธอได้” อีกด้วย ซึ่งหลังจากนั้นก่อนการดูตัวเจ้าสาวในการแต่งงาน (ครั้งสุดท้าย) เธอก็พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง ทั้งนิสัยกินจุ พยายามทำตัวให้อ่อนแอ หรือแม้แต่ยอมที่จะย้อมสีผมเป็นสีดำ ตามแบบฉบับ “ภรรยาที่ดี” แต่แล้ว เธอก็พบว่านั่น ไม่ใช่ “ตัวตนของเธอ” เลยแม้แต่น้อย ทำให้สุดท้ายก็เป็นอีกครั้งที่เธอนั้น “นก” จากความรักที่เธอนั้นใฝ่ฝันมาตลอดด้วย เหตุผลจากขนบธรรมเนียมในสมัยนั้น

อดีต ของ คันโรจิ มิตสึริ
© Koyoharu Gotouge / SHUEISHA Inc.

เข้ากลุ่มนักล่าอสูรเพราะต้องการหาแฟน

สำหรับหน่วยพิฆาตอสูรแล้ว บางคนเข้ามาทำหน้าที่เพื่อปกป้องบางสิ่งบางอย่าง บางคนเข้ามาเพื่อล้างแค้นให้กับสิ่งที่ตัวเองสูญเสียแต่สำหรับ Mitsuri แล้ว เธอนั้นเข้าสู่เส้นทางของนักล่าอสูรเพื่อหา “ความรักที่แท้จริง” ใครสักคนที่สามารถยอมรับในธรรมชาติของเธอหรือสิ่งที่เธอเป็นได้ แม้ในมังงะจะสรุปเหตุผลจากปากของเธอเองว่า เธอนั้นเข้ามาเพราะต้องการจะหาแฟนที่ดูแล้วแข็งแกร่งกว่าเธอก็ตาม แต่สิ่งที่เธอได้นั้นกลับมากยิ่งกว่าความสัมพันธ์เชิงชู้สาว ทั้งผู้ที่มอบโอกาสให้เธออย่าง “Kagaya” ผู้นำหน่วยพิฆาตอสูรรุ่นที่ 97 ที่เป็นเสมือนคนที่ชุบชีวิตเธอกลับมาในเป็นตัวเองอีกครั้ง 

โดยเมื่อเธอเข้ามาในหน่วยพิฆาตอสูร แม้จะด้วยลักษณะนิสัยของเธอที่ มักมองโลกในแง่ดี ร่าเริง ขี้อาย และคลั่งรักผู้ชายทุกคนที่ได้เจอ (ดูได้จากตอนประชุมเสาหลัก ซึ่งก็เป็นตอนเปิดตัวของเธอด้วย) แต่กลับไม่มีใครเข้ากับเธอได้เลย ด้วยความแปลกของเธอ จนเธอได้ไปพบกับ Rengoku Kyojuro เสาหลักเพลิง ผู้ที่เปรียบเสมือนอาจารย์ของเธอ ซึ่งเห็นศักยภาพและให้การยอมรับในตัวเธออย่างจริงใจ และพาเธอเข้ามาเป็นลูกศิษย์ในการสืบทอดปราณเพลิง แต่ตัว Mitsuri เองไม่สามารถที่จะใช้กระบวนท่าของปราณเพลิงได้ถนัดนัก เธอจึงเปลี่ยนและสร้างปราณใหม่อย่าง “ปราณความรัก” ขึ้นมา และใช้ได้อย่างคล่องแคล่วจนเธอสามารถขึ้นเป็นเสาหลักได้ในที่สุด

© Koyoharu Gotouge / SHUEISHA Inc.

รวมอีกถึงหนึ่งคนที่มอบความรักและความมั่นใจให้กับเธอ (บางครั้งบางครั้งก็ดูจะออกนอกหน้าเป็นพิเศษ) อย่าง พี่เสาหลักอสรพิษ Iguro Obanai ที่ความสัมพันธ์นี้ไม่ได้อยู่ในฐานะเพื่อนร่วมอาชีพ แต่เป็นในฐานะ “คน(แอบ)รัก” กัน

แม้มีความรักแต่ก็ไม่อาจจะสมหวัง

© Koyoharu Gotouge / SHUEISHA Inc.

อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น Obanai กับ Mitsuri มีควาามสัมพันธ์ที่เรียกว่า มากกว่าเพื่อน แต่ไม่สามารถเรียกว่า “คนรัก” ได้อย่างเต็มปาก โดย Obanai นั้นหลงรัก Mitsuri ตั้งแต่แรกเห็น ตอนที่ลูกพี่ Rengoku หนีบเธอมาประชุมเสาหลัก และพยายามขายขนมจีบให้เธอเสมอ 

แต่สิ่งที่ Obanai แสดงให้ Mitsuri รวมไปถึงคนดูได้เห็นมาโดยตลอด นั่นคือ เขายอมรับและเข้าใจความเป็นเธอมาจากใจจริง ไม่ได้ยึดติดธรรมเนียมในขณะนั้นแต่อย่างใด ตอนที่พา Mitsuri ไปทานข้าวเธอจะกินจุแค่ไหน Obanai ก็ไม่เคยบ่น แถมยุให้เธอกินอีกเรี่อย ๆ หรือแม้แต่ตอนที่ Mitsuri กลับมาจากการทำภารกิจ หาก Mitsuri หิว ไม่ว่าจะดึกแค่ไหนเขาก็จะยังรอที่จะพาเธอไปกินข้าวเสมอ ซึ่งความรู้สึกดี ๆ ของเสาหลักทั้งสอง เพื่อน ๆ เสาหลักหรือแม้แต่พี่ใหญ่อย่าง Rengoku ต่างก็รู้ดี หรือแม้แต่ตัว Mitsuri เองลึก ๆ แล้วก็รู้ว่า Obanai เองมีความรู้สึกที่ดีให้กับเธอขนาดไหน แต่ก็มีเหตุผลที่ตัว Obanai เองไม่สามารถบอกเธอได้

© Koyoharu Gotouge / SHUEISHA Inc.

เพราะสำหรับ Obanai นั้น Mitsuri เป็นเหมือนความสดใสในชีวิตของเขา เธอมักจะส่งพลังบวกในกับเขาเสมอ เป็นสิ่งที่ตัวเขานั้นไม่เคยได้รับเลยตลอดชีวิตที่ผ่านมา ซึ่งผู้หญิงที่สดใสเช่นนี้มันคงไม่เหมาะกับตัวเขาที่มีสายเลือดจากคนบาป สายเลือดผู้บูชาอสูร และได้สัญญากับตัวเองแล้วว่า จะไม่บอกรักเธอจนกว่าจะได้สังหารราชาอสูร หรือ “Muzan” และทำให้ยุคของอสูรจบลงให้ได้เสียก่อน ส่วน Mitsuri เอง ก็ไม่สามารถบอกความรู้สึกจริงของเธอต่อ Obanai ได้เช่นกัน ด้วย แผลใจในช่วงการดูตัวเจ้าสาวครั้งก่อน ๆ แม้เธอจะรักเขามากแค่ไหนก็ตาม เรียกได้ว่า แม้มีความรักให้กันแต่ก็ไม่อาจจะสมหวังกัน

แต่ชีวิตมันก็ไม่ได้สวยงามขนาดนั้น เพราะหลังจากที่ได้ต่อสู้และจัดการกับ Muzan ได้สำเร็จ พวกเขาก็บอกความรู้สึกในใจของทั้งสองที่มีต่อกัน ขณะทั้งพวกเขาบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกต่อไป สำหรับแฟนๆ ดาบพิฆาตอสูรแล้วนี่เป็นอีกฉากนึงที่เศร้ามากๆ หลังจากที่ Mitsuri ได้สารภาพรักต่อ Obanai เธอก็ได้เสียชีวิตลงบนอ้อมอกของชายอันเป็นที่รักด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่ Obanai จะได้เสียชีวิตตามกันไป

แต่ทว่าอาจารย์ Koyoharu Gotouge ก็ไม่ได้ใจร้ายกับเรือคู่นี้ขนาดนั้นเพราะใน Back Story ในยุคต่อมาทั้งคู่ก็ได้กลับชาติมาเกิดใหม่และสมหวังกลายเป็นคู่รักกันตามที่ทั้งทั้งคู่ปราถนา

เรื่องน่ารู้ที่คุณอาจจะยังไม่รู้เกี่ยวกับ Karoji Mitsuri 

© Koyoharu Gotouge / SHUEISHA Inc.
  • นามสกุลของ Mitsuri มีการอ่านแบบคันจิ Kan-on’yomi แปลว่า “หวาน, น้ำตาล” ซึ่งก็ตรงกับบุคคลิกของเธอที่เป็นคนอ่อนหวานอ่อนโยน
  • สีผมอันสะดุดตาของ Mitsuri ว่ากันว่าเป็นเพราะเธอกิน “ซากุระโมจิ” มากเกินไป ซึ่งสิ่งนี้เป็นไปได้ในชีวิตจริงที่เกิดการผิวคล้ำจากการบริโภคอาหารที่มากเกินไปได้ เเล้วมันก็ไปคล้ายกับกรณีของอาจารย์ของเธออย่างเสาหลักเพลิงอย่าง Rengoku ที่ได้รับสืบทอดผมสีเหลืองเพราะบรรพบุรุษกิน “เทมปุระ”มากเกินไป
  • เธอเป็นคนที่กินจุมาก ตามคำบอกเล่าของ Obanai เธอสามารถรับประทานดังโงะได้ 100 ไม้ภายในมื้อเดียว
  • สไตล์การแต่งตัวสุดหวาบหวิวของ Mitsuri นั้นเกิดจากการตัดชุดของ “คาคุชิจอมหื่น” ที่ได้ออกแบบชุดนี้ให้กับหญิงสาวในหน่วยพิฆาตอสูร แต่สาเหตุที่เธอใส่ชุดนี้เพียงคนเดียวนั่นก็เพราะว่า เธอนั้นอยากจะรักษาน้ำใจของ “คาคุชิ” ผู้ตัดชุดหลังจากสาวๆ ที่คฤหาสน์ผีเสื้อนั้นเผาชุดนี้ทิ้งไปทั้งหมด
  • การสไตล์แต่งตัวชุดหวาบหวิวเปิดหน้าอกกับการใส่กระโปงพลีทแทนการใส่กางเกงของ Mitsuri นั้น ทำให้เธอเป็นหนึ่งในตัวละครที่มีการผสมผสานระว่างตะวันตกและตะวันออก และบ่งบอกถึงยุคไทโชได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังทำให้เธอนั้นดูต่างจากผู้หญิงคนอื่นๆในยุคนั้นเป็นอย่างมากถึงขนาดที่เสาหลักวารีอย่าง Tomioka Giyuu ผู้ที่ทำตัวหล่อๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ถึงกับเอ่ยปากถามว่า “ชุดนี้มันดูวาบหวิวไปหรือเปล่า” ทุกครั้งที่เจอ ซึ่งแน่นอนว่าไอ้เจ้าชุดนี้มันไม่ถูกใจพี่ Obanai เป็นอย่างมาก
  • เนื่องจากพี่เสาหลักงูของเราไม่ต้องให้ชุดของ Mitsuri มันวาบหวิวเกินไป เขาจึงจัดการซื้อ ถุงน่องสีเขียว ให้กับเธอ และเธอก็สวมมันไว้ตลอด นั่นแสดงให้เห็นว่าเธอนั้นให้ความสำคัญกับตัว Obanai มากแค่ไหน
© Koyoharu Gotouge / SHUEISHA Inc.
  • ต้นแบบทรงผมของน้อน Nezuko ในภาคหมู่บ้านช่างตีดาบนั้น เธอได้รับมาจากตัว Mitsuri เพราะ Mitsuri นั้นค่อนข้างที่จะเอ็นดู Nezuko ตั้งแต่การประชุมเสาหลักแล้วพอมาในภาคนี้เรานางได้ใกล้ชิดกับ Nezuko มากยิ่งขึ้น ส่วนน้อน Nezuko เองก็ดูจะชอบในตัว Mitsuri ด้วยเช่นกัน พอได้เห็นทั้งสองมาร่วมซีนกันแล้วไม่แปลกที่ภาคหมู่บ้านช่างตีดาบจะเป็นหนึ่งในภาคที่ผู้คนชอบมากที่สุดร่วมกับภาคปราสาทไร้ขอบเขต และ ภาครถไฟนิรันดร์
  • “ปราณความรัก” ของเธอนั้น เป็นปราณที่พัฒนามาจากปราณเพลิง เนื่องจากเธอนั้นเคยได้รับตำแหน่งผู้สืบทอดปราณเพลิงจาก Rengoku แต่เนื่องจากเธอไม่สามารถใช้กระบวนท่าได้อย่างเต็มที่ เธอจึงพัฒนาปราณความรักขึ้นมาทดแทน
  • ดาบนิจิรินของเธอได้รับแรงบันดาลใจมากจาก Urumi อาวุธคล้าแส้ของทางอินเดีย ซึ่งนั่นก็กลายเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของเธอทั้งกระบวนท่าการต่อสู้รวมไปถึงวิธีการเก็บดาบที่จะต้องตวัดทีละหลายรอบก่อนจะเก็บเข้าฝัก
  • การที่เธอใช้ดาบนิจิรินที่ดูคล้ายแส้ในการบั่นคออสูรได้ แสดงให้ถึงความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก และเธอก็เป็นเพียงคนเดียวที่สามารถใช้ดาบเล่มนี้ได้ (นั่นคือเหตุผลที่เธอเข้าออกหมู่บ้านช่างตีดาบบ่อยๆ และเข้ามามีบทบาทในภาคนี้)
  • เธอเป็นนักดาบหญิงเพียงคนเดียวที่สามารถปลดล็อก “ปานพิฆาตอสูร” ได้
  • เธอเป็นหนึ่งในสองเสาที่เป็นทาสแมว  เนื่องจากเธอเคยเลี้ยงแมวตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ส่วนอีกคนก็คือ เสาหลักหินผา Himejima Gyomei เสาหลักที่แข็งแกร่งที่สุด โดยเธอให้คำนิยามเขาว่า  “เขาเป็นคนรักแมวที่น่ารักมาก!” 

และนี้คือทั้งหมดของ Karoji Mitsuri  “เสาหลักแห่งความรักที่ไม่สมหวังในรัก” หญิงสาวผู้ถูกกดทับจาก วัฒนธรรม “ภรรยาที่ดีแม่ที่ฉลาด” ในยุคไทโช จนต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพียงเพื่อโหยหาความรักและการยอมรับความเป็นธรรมชาติของเธอ แม้ว่าสุดท้ายเธอจะไม่สมหวังก็ตาม แต่อย่างน้อยเธอ ก็ได้พบบุคคลที่พร้อมจะยอมรับเธอและคำตอบในการใช้ชีวิตได้ในวาระสุดท้ายของเธอ

อ้างอิงจาก : https://kimetsu-no-yaiba.fandom.com/wiki/Mitsuri_Kanroji
https://i-baa-mang.com/anime/kanroji-misturi/