สรุป 5 ประเด็นเป็นกระแสพรีเมียร์ลีกแมตช์เดย์ที่ 3

1) กรีนวูด ฟอร์มเทพ-โซลชา ไม่กล้าดร็อป ?

การได้ คริสเตียโน โรนัลโด กลับมาร่วมทีม ทำให้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา มีทางเลือกในเกมรุกที่หลากหลาย และเหลือเฟือ ชนิดเลือกไม่ถูกเลยทีเดียว

แต่นาทีนี้ ถ้าหากดร็อปหัวหอกดาวรุ่งอย่าง เมสัน กรีนวูด เห็นที โอเล่ จะโดนแฟนบอลก่นด่าหนักกว่าเดิม เพราะดาวยิงวัยกระเตาะยิงประตูได้ทุกเกมใน 3 นัดแรก ซึ่งล้วนเป็นประตูสำคัญทั้งสิ้น รวมถึงประตูล่าสุดที่ช่วยให้เฉือนชนะ วูล์ฟส์ 1-0 เมื่อวันอาทิตย์ด้วย

ฟอร์มแบบนี้ ถ้าหากจะไม่ให้ลงก็คงจะใจดำเกินไปหน่อย เข้าใจว่าชื่อชั้นอาจจะเทียบพวกรุ่นพี่อย่าง เจดอน ซานโช, อองโตนีย มาร์กซิยาล หรือ แดเนียล เจมส์ ไม่ได้ แต่ถ้าดูตามฟอร์มแล้ว ชั่วโมงนี้ เมสัน วัดได้หมด

กรีนวูด จึงเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง และสมควรมีชื่อเป็นคนแรกในทีมชีตของ โซลชา ร่วมกับ บรูโน แฟร์นานด์, ป็อล ป็อกบา และ คริสเตียโน โรนัลโด ในเกมต่อไป

++++++++++++++++

2) เรือใบไปโลดแม้ไม่ได้ “โรนัลโด้-เคน”

ในช่วงซัมเมอร์ แมนฯ ซิตี มีข่าวอย่างหนักกับ แฮร์รี เคน และ คริสเตียโน โรนัลโด แต่พวกเขาก็ไม่สามารถคว้าตัวมาร่วมทีมได้สักคน แถม เปป กวาร์ดิโอลา ยังเสีย กุน อเกวโร ให้ บาร์เซโลนา ทำให้ฤดูกาลนี้ แชมป์เก่าอยู่ในสถานะไร้กองหน้าตัวเป้า

แต่มันดูเหมือนไม่ส่งผลกระทบต่อเรือสำราญลำนี้แม้แต่นิด และชัยชนะ 5-0 เหนือ อาร์เซนอล เมื่อวันเสาร์ ทำให้ แมนฯ ซิตี ชนะด้วยสกอร์ 5-0 ถึง 3 เกมติดต่อกันในเกมลีกที่เอติฮัด สเตเดี้ยม ของตัวเอง มันจึงน่าจะพิสูจน์ได้ดีว่า ต่อให้ไม่มี เคน หรือ โด้ แต่ เปป ก็ยังอยู่ได้ และอยู่ได้ดี

นักเตะอย่าง เฟร์ราน ตอร์เรส เริ่มขึ้นมาฉายแสงมากขึ้นในฤดูกาลนี้ ขณะที่ กาเบรียล เชซุส ถูกปรับไปยืมริมเส้นฝั่งขวา ปรากฏว่าเวิร์ค แม้ทำประตูไม่เยอะ แต่มีส่วนกับเกม และแอสซิสต์ให้เพื่อนกระจาย ส่วน แจ๊ค กลีลิช เข้าใจ และปรับตัวเข้ากับวิถีของ แมนฯ ซิตี ได้ดีขึ้นเรื่อยๆ และแสดงให้เห็นชัดว่าจะขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของทีมในอนาคต

อย่าลืมว่า ตอนนี้ แมนฯ ซิตี ยังไม่มีตัวหลักอย่าง เควิน เดอ บรอยน์ และ ฟิล โฟเดน ด้วยซ้ำ ส่วน ริยาด มาห์เรซ หรือ ราฮีม สเตอร์ลิง ก็ยังไม่ได้ระเบิดฟอร์มเหมือนที่ผ่านมา ดังนั้น แมนฯ ซิตี จึงยังน่ากลัวสุดๆ และเป็นเต็งจ๋าอยู่ดี แม้จะไม่สมหวังนักในตลาดนักเตะก็ตาม

++++++++++++++++

3) เกมรับ และความเป็นมืออาชีพของ เชลซี

อีกทีมที่แสดงให้เห็นถึงความน่ากลัว และพิสูจน์ตัวเองได้มากขึ้นเรื่อยๆก็คือ เชลซี

คิดดูว่า ขนาดเล่นด้วยผู้เล่นน้อยกว่า ลิเวอร์พูล อยู่นานถึงมากกว่า 45 นาที พวกเขายังสามารถยันทีมที่เกมรุกอันตรายอย่างหงส์แดงได้แบบชิลๆ แบบนี้ ถ้าหากตัวผู้เล่นเท่ากัน หรือเจอคู่แข่งระดับต่ำกว่า เชลซี ไม่ยิงกระจาย และชนะต่อเนื่องแบบรัวๆหรอกหรือ

ยิ่งกว่านั้น ชั่วโมงนี้ โธมัส ทูเคิล ปั้นให้ เชลซี กลายเป็นทีมที่ไม่หวังพึ่งกับนักเตะคนใดคนหนึ่ง ใครไม่พร้อม เขาหาตัวแทนไว้หมด แบ๊กขวา รีซ เจมส์ โดนใบแดง เขาส่ง ติอาโก ซิลวา ลงมายืนเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ แล้วขยับ เซซาร์ อัซปิลิกวยตา ออกไปยืนแบ๊กขวาแทน

แดนกลาง เอ็นโกโล ก็องเต เจ็บ เขาส่ง มาเตโอ โควาซิช มาลงเล่นแทนได้อย่างแนบเนียบแทบจะไร้รอยต่อ ขณะที่เกมรุก เมสัน เมาท์ หรือ ไค ฮาแวร์ตซ์ เล่นดีก็เล่นต่อไป แต่ถ้าวันไหนฟอร์มหลุด ตัวเสียบมีเพียบ ทั้ง คริสเตียน พูลิซิช, ฮาคิม ซิเย็ค หรือกระทั่ง ติโม แวร์เนอร์

ปัญหาเดียวอาจอยู่ที่ตัวเป้า ที่ถ้าหาก โรเมลู ลูกากู ไม่พร้อม ทูเคิล จะแก้ไขอย่างไร แต่ก็อย่าลืมว่า ฤดูกาลที่แล้ว เชลซี ก็ไม่มี ลูกากู แต่ก็ยังคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาครองได้

นี่จึงเป็นขุมกำลัง เชลซี ที่เหลือเฟือ ลงตัว และสมดุลย์ที่สุดชุดหนึ่ง ที่สำคัญ มันยังอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ทูเคิล ที่พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าของจริง สิงห์สำอางจึงเป็นทีมที่ห้ามมองข้ามหรือประมาทเด็ดขาดในฤดูกาลนี้

++++++++++++++++++++

4) ไม่ใช่”ม้ามืด”? “ไก่มืด” ขึ้นนำจ่าฝูง

ก่อนเปิดฤดูกาล ใครบอกว่า สเปอร์ส จะชนะรวด และขึ้นนำเป็นจ่าฝูง หลังจากผ่านไป 3 เกม เขาคนนั้น คงต้องถูกกล่าวหาว่า ดูบอลไม่เป็น

แต่ นูโน เอสปิริโต ซานโต ก็ทำได้ แถมทำได้ด้วยขุมกำลังนักเตะชุดที่แทบจะไม่เปลี่ยนไปจากเดิม และยังทำสถิติ ชนะรวดโดยไม่เสียประตูเลยใน 3 เกมแรก เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร

แสดงให้เห็นว่า สเปอร์ส (อาจจะ) ตัดสินใจถูกต้องที่เลือกเขามาคุมทีม หลังจากคัดสรรกันอยู่นานสองนาน ยิ่งกว่านั้น ภายในทีมตอนนี้ ยังมีแต่เรื่องดีๆ และหลายอย่างเริ่มลงตัว แฮร์รี เคน อยู่ต่อแล้ว กองหลังก็ดีขึ้นชัดเจน และปลายตลาดนักเตะอาจจะมีใครเข้ามาเสริมอีก

แต่อย่าลืมว่า ช่วงต้นๆของฤดูกาลก่อน โฮเซ มูรินโญ ก็เคยพา สเปอร์ส ทำผลงานได้ดี และมีช่วงที่ขึ้นนำจ่าฝูงอยู่ระยะสั้นๆเหมือนกัน ก่อนที่สุดท้ายจะตกต่ำ จนตัวเองต้องออกจากตำแหน่งไปอย่างที่เห็น

ดังนั้น ต้องมองกันยาวๆ จะบอกว่า สเปอร์ส คือ “ม้ามืด” หรือ “ไก่มืด” ในนาทีนี้ อาจยังเร็วไปมาก

++++++++++++++++++++++

5) กรรมการ-กรรมโกงอีกแล้วครับทั่น!

เกิดการตัดสินที่กลายเป็นประเด็นอย่างน้อย 2 ครั้งในพรีเมียร์ลีก สัปดาห์ที่ 3 และยังเกิดขึ้นในเกมใหญ่ และเป็นจังวะตัดสินเกม

ใบคือจุดโทษ-ใบแดง ของ รีซ เจมส์ ในเกม ลิเวอร์พูล พบ เชลซี และลูกเสียบเปิดปุ่มของ ปอล ป็อกบา ที่นำไปสู่ประตูชัย ในเกมวูล์ฟส์ พบ แมนฯ ยูไนเต็ด

จังหวะทำแฮนด์บอลของ เจมส์ เป็นจุดโทษอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะมันเป็นจังหวะที่บอลกำลังจะเข้าประตู แต่หลายคนบอกว่า ให้ไใบแดงด้วยออกจะโหดไปหน่อย

แต่ถ้าไปกางกฎดู มีระบุอยู่ชัดว่า ถ้าหากทำแฮนด์บอล และขัดขวางลูกเข้าประตูอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ต้องโดนใบแดงด้วย ดังนั้น จังหวะนี้จึงให้ได้

ส่วนจังหวะเสียบของ ป็อกบา ใส่ รูเบน เนเวส ถ้าหากโดนเต็มๆ ลูกนี้ฟาวล์ และแดงแน่นอน แต่ดูภาพช้าชัดๆเหมือนจะโดนแค่ถากๆ ไม่ได้เต็มแข้ง เนเวส เท่าไหร่ ทำให้ ไมค์ ดีน ไม่ได้เป่าฟาวล์ด้วยซ้ำ และมันก็นำไปซึ่งประตู

แต่หลายคนก็บอกว่า การตัดสินต้องดูที่เจตนาไม่ใช่หรือ ซึ่ง ป็อกบา จงใจเข้ามาเสียบแน่นอน และเปิดปุ่มแบบนี้ ยังไงก็ต้องแดง เรื่องนี้ จึงต้องขึ้นอยู่ที่ “ดุลยพินิจ” ของผู้ตัดสิน ซึ่งมิสเตอร์ดีน บอกว่า ไม่ฟาวล์ มันก็คือไม่ฟาวล์ แถม เนเวส ยังโดนใบเหลืองไปอีกต่างหาก.