การประกวดนางสาวไทย ประจำปี 2566 จบกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยสาวงามตัวแทนจากหัวเมืองเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ “ชนนิกานต์ สุพิทยาพร” คว้าตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ไปครอง ถือเป็นคนที่ 54 ของเวทีการประกวดอันเก่าแก่ของประเทศไทย ไม่เพียงสวยสง่า ทรงพลัง และเฉลียวฉลาด ตรงกับคอนเซปต์ “The Ultimate Precious : ที่สุดแห่งความล้ำค่า” ครบถ้วนตามบริบทของเวทีเท่านั้น เธอยังมีความสามารถนำ Local มาสู่ความเลอค่าคว้ารางวัลสำคัญ ๆ มาครองอีกหลายรางวัล ในโอกาสที่คณะนางสาวไทย ประจำปี 2566 เดินทางมาขอบคุณ “เดลินิวส์” เป็นแห่งแรก จึงได้พูดคุยกับเธอเพิ่มเติมเพื่อให้ทุกคนทำความรู้จักกับตัวตนของเธอมากขึ้น

ความรู้สึกหลังจากได้รับตำแหน่งเป็นอย่างไรบ้าง?

รู้สึกเหมือนฝันค่ะ สิ่งที่เราพยายามมาทั้งหมด มันประสบความสำเร็จ รู้สึกว่ามันเหมือนฝันจริง ๆ ตื้นตันมาก ๆ เพราะว่ากานต์ไม่ได้มาคนเดียว หากมาพร้อมกับน้อง ๆ ผู้พิการทางการได้ยิน พอทำได้แล้วรู้สึกว่ามันตื้นตันจริง ๆ สำหรับกานต์เองเพื่อน ๆ ก็ส่งข้อความมาแสดงความยินดีเยอะมาก รวมถึงฝากให้กานต์ช่วยเป็นกระบอกเสียง หรือฝากเป็นอีกหนึ่งแรงสำคัญของประเทศในการพัฒนาต่อไปด้วย

เวทีนางสาวไทยให้ประสบการณ์อะไรบ้าง?

สิ่งแรกคือเราได้เจอกับเพื่อน ๆ ที่เป็นตัวแทนแต่ละจังหวัดทั้งประเทศ มันทำให้เราได้รับรู้ ได้แชร์ประสบการณ์ชีวิต เรื่องราวของแต่ละจังหวัด ช่วยเปิดโลกให้กับเรามากขึ้น ประเทศไทยของเรายังมีจุดที่น่าสนใจมากมาย รอให้เราไปเยี่ยมชม ภูมิใจตรงนี้มาก และได้เห็นความสามารถของเพื่อนทุกคนเก่งมาก ๆ ทำให้เรามีแรงบันดาลใจในการพัฒนาตัวเองเรื่อย ๆ ต่อไปเหมือนกัน

อะไรคือสิ่งที่ยากที่สุดในการประกวดครั้งนี้ และพวกเราก้าวผ่านมาได้อย่างไร?

เรื่องยากสุดคือการไม่เป็น “ตัวของตัวเอง” พอเรามาเจอกับผู้คนหลากหลาย อาจทำให้เราตื่นเต้น หลุดโฟกัสไปกับอุปสรรคและปัญหาต่าง ๆ ที่เข้ามา เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะทำให้เราก้าวข้ามผ่านปัญหาไปได้คือการเป็นตัวของตัวเอง แล้วทำมันให้เต็มที่ ซึ่งเวทีนี้เราก็ทำเต็มที่แล้ว เลยรู้สึกว่ามันผ่านไปได้ถ้าเรามีสติและตั้งจิตให้มั่น

การเป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัว คุณพ่อคุณแม่หวงไหม?

กานต์ดื้อค่ะ (หัวเราะ) ชอบทำกิจกรรมมาก ทำให้เราอยู่ไม่ติดบ้าน มีโอกาสได้ออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านบ่อยมาก พอมีครั้งแรกมันก็จะตามมาได้เรื่อย ๆ จนท่านชินไปว่าเราดูแลตัวเองได้ แต่กานต์ก็มีเทคนิคที่ทำให้คุณแม่เชื่อใจนะคะ (หัวเราะ) คืออนุญาตให้แม่ถือบัญชีโซเชียลของกานต์ด้วย โดยที่บ้านจะมีโทรศัพท์อีกเครื่องหนึ่งแล้วเชื่อมกับไอคลาวด์ กานต์ชอบถ่ายภาพ ถ่ายสตอรี่เก็บไว้ คุณแม่ก็จะเห็นทำให้อุ่นใจว่าถึงแม้เราไม่ได้คุยกันหรืออยู่ห่างกัน ก็สามารถรับรู้ทุกการเคลื่อนไหว

นอกจากเรียนแล้วยังเป็นนักกิจกรรมตัวยง สนใจทำกิจกรรมตั้งแต่เมื่อไหร่?

กานต์เริ่มสนใจตั้งแต่เป็นเด็กอนุบาลค่ะ เพราะเป็นคนกล้าแสดงออก ชอบพูด จนแม่ให้ฉายาว่า “วิทยุเคลื่อนที่” เพราะพูดมาก แต่พูดมากเกินไป พอทำกิจกรรมก็สอนให้เรา “พูดเป็น” มากขึ้น จากพูดเก่งเป็นพูดเป็นก็จะคนละแบบกัน จุดเริ่มต้นจริง ๆ ที่ทำให้เราอยากทำกิจกรรมเพราะหนูมีเป้าหมายในชีวิต อยากทำให้ครอบครัวมีความสุข ภูมิใจในตัวเรามาก ๆ ซึ่งกว่าจะมาถึงจุดนั้นเราต้องเก่งก่อน กานต์เชื่อมั่นว่าสิ่งที่จะทำให้เราเก่งได้ ไม่ใช่แค่การเรียนอย่างเดียว แต่มันต้องเป็นการทำกิจกรรมเพื่อพัฒนาความสามารถของเรา เพราะฉะนั้นกิจกรรมที่ทำจะหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นสอบแข่งขันทางด้านวิชาการต่าง ๆ ทำนองเสนาะ พูดฉับพลัน คณิตคิดเร็ว สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ก็เป็นเชียร์ลีดเดอร์ของคณะเภสัชกรรมศาสตร์ เชียร์ลีดเดอร์ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

การทำกิจกรรมมีประโยชน์ด้านไหนบ้าง?

สิ่งเหล่านี้ช่วยพัฒนาบุคลิกภาพ พอเราทำไปเรื่อย ๆ ทำให้เรามองภาพกิจกรรมกว้างขึ้นว่าถ้าเราก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำ จะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้ กานต์ได้รับโอกาสเป็น “นายกสโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่” ปีนั้นการเลือกตั้งดุเดือดมาก กานต์เลือกทำโครงการ “Underprivileged to precious ด้อยโอกาลสู่ได้โอกาส” ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการทำกิจกรรมร่วมกับน้อง ๆ ผู้ที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน หลังจากนั้นเลยไปเรียนเพิ่มเติม ทั้งภาษามือ อักษรเบรลล์ เพิ่มเติมภาษาที่สามอย่างภาษาเกาหลี ไม่ได้ติดซีรีส์นะคะ (หัวเราะ) เป็นภาษาที่เรียนไม่ยากเกินไป หากเทียบกับภาษาจีนต้องให้เวลาฝึกฝนเรียนรู้มากกว่าเยอะ กานต์เรียนเภสัชไปด้วยจะแบ่งเวลาลำบาก

“กานต์เริ่มเรียนภาษามือตั้งแต่ปี 2 ทำกิจกรรมแล้วมันคลิก เราสามารถทำให้ทุกคนสื่อสารกับน้อง ๆ กลุ่มผู้พิการทางการได้ยินได้ มันเลยทำให้สู่การเลือกตั้ง กานต์เลยทำนโยบายเกี่ยวกับการศึกษามาช่วย ชื่อว่า “CMU For All ไม่ว่าใครก็ทำกิจกรรมได้” ทุกคนสามารถทำกิจกรรมได้อย่างเท่าเทียม มันเลยทำให้เป็นหนึ่งในนโยบายที่เข้าถึงคนได้มากขึ้น เพราะว่าเราจะเดินไปข้างหน้าพร้อมกันโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง อันนี้เป็นคีย์เวิร์ดสำคัญตอนหาเสียงเลือกตั้ง ทำให้ทุกคนมองเห็นเราและเป็น
กระแสขึ้นมาช่วงหนึ่งของการเลือกตั้งในตอนนั้น

เรียนหนักกิจกรรมก็เยอะ แบ่งเวลาให้กับตัวเองยังไง?

กานต์ตั้งเป้าหมายกับตัวเองอยู่แล้วก่อนว่าเราจะต้องทำกิจกรรมร่วมด้วย กานต์เลยวิเคราะห์การอ่านหนังสือของตัวเองว่าชอบอ่านหนังสือแบบไหน บังเอิญเป็นคนจำเร็ว แต่จำนานไม่ได้ ดังนั้นเวลาเรียนจะทำความเข้าใจให้เข้าใจบทเรียนนั้นไปเลย แล้วก็อย่าเพิ่งจำ ช่วงเวลาว่าง ๆ เราสามารถไปทำอย่างอื่นเพื่อพัฒนาศักยภาพของตัวเองได้ เวลาจะสอบค่อยมาทบทวนทีเดียว เพื่อจำเข้าห้องสอบ มันทำให้เราสามารถแบ่งเวลาได้ เพียงแต่ต้องวิเคราะห์ตัวเองก่อนว่าเราถนัดการสอบหรืออ่านหนังสือแบบไหน

ถ้าอยากให้คนมองเราเป็น “ต้นแบบ” จะเป็นต้นแบบให้กับคนอื่นด้านไหน?

กานต์รู้สึกว่ามันยากมากที่เราจะเป็นต้นแบบให้กับใครสักคนหนึ่ง สิ่งที่หนูอยากจะให้ทุกคนทำกับตัวเองคือเป็นตัวของตัวเอง อย่างกานต์ก่อนจะประกวดคนทักเยอะมาก หน้าเมืองอย่างนั้น ความรู้อย่างนี้จะประกวดได้เหรอ โดนสบประมาทเยอะเหมือนกัน แต่ว่าสิ่งที่เรามีเราภูมิใจในตัวเองและเราก็เป็นตัวของตัวเอง ไม่นำคำของคนอื่นมาลดทอนความสามารถของเราหรือจำกัดความสามารถของเราเลย คือเราจะต้องเต็มที่กับตัวเอง กานต์ไม่เคยเอาข้อจำกัดที่เราไม่ได้สวยเท่าคนอื่น หรือว่าเราไม่เก่งภาษาเท่ากับคนอื่น มาเป็นข้อจำกัดในการพัฒนาตนเองเลย กานต์แค่รู้สึกว่าเราต้องพัฒนาด้านจุดแข็งของเราให้มันแข็ง กานต์อยากเป็นแรงบันดาลใจเรื่องของการเป็นนักสู้นี่แหละค่ะ ที่เราไม่ยอมแพ้ต่อสิ่งที่เราเลือกเกิดไม่ได้ เพื่อที่จะได้ประสบความสำเร็จในอนาคต

นิยามตัวตนและการใช้ชีวิตอย่างไร?

กานต์เป็นคนพูดมาก พลังล้นเหลือเกินร้อย และสิ่งสำคัญเป็นคนมองโลกในแง่บวก แต่จริง ๆ แล้วมุมมองได้ปรับเปลี่ยนตามช่วงเวลาของวัย พอเจอผู้คนมากขึ้นเหมือนมองโลกให้เป็นกลางมากขึ้น อย่าโลกสวยจนเกินไปประสบการณ์ทุกอย่างส่งผลให้กานต์มีการจัดการอารมณ์ที่ดี เวลามีปัญหาเข้ามากระทบเรา สิ่งที่เราทำเลยคือจัดการกับความเครียด กานต์เลือกที่จะเล่าให้คุณแม่ฟัง ได้ปลดปล่อยแล้ว ทางออกที่ดีที่สุดคือการจัดการกับตัวเอง แค่เอาอารมณ์ออกจากตัวเอง คงเหลือไว้แค่ “สติ” และ “สมาธิ” แล้วตัดสินใจเดินต่อไปข้างหน้าอย่างเป็นกลาง มันจะทำให้เราไม่มีอคติต่ออะไรสักอย่าง

เวลาอีกเพียงไม่กี่เดือนจะมีการเลือกตั้งแล้ว อยากได้ “ผู้นำประเทศ” แบบไหน?

กานต์อยากให้ผู้นำของเราสื่อสารได้ดี ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม หรือมีโครงการอะไรก็ตาม ถ้าเขาไม่สามารถสื่อสารให้ประชาชนเชื่อมั่นในตัวเขาได้ มันเป็นเรื่องยากที่จะทำให้การบริหารประเทศผ่านพ้นไปได้ด้วยดี รู้สึกว่าการสื่อสารสำคัญมาก ๆ สำหรับผู้นำ เราไม่จำเป็นต้องเก่งทุกด้าน แต่เราจะต้องสามารถสื่อสารได้ สามารถแบ่งหน้าที่ให้กับทุกคน เพื่อให้ Put the right man in the right job

สเปกชายหนุ่มที่ชื่นชอบ?

ตอนนี้โสดสนิทค่ะ สำหรับสเปกอยากได้คนที่ซัพพอร์ตกันและกันได้ เราไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่เหมือนกัน แค่อยู่ข้าง ๆ และเข้าใจ มองว่าสิ่งสำคัญคือสามารถอยู่ด้วยกันได้ มีความเป็นผู้นำ เพราะเวลาเราอยู่ข้างนอกเรามาทำงาน เรานำเยอะแล้ว อยากได้ “ผู้นำในความสัมพันธ์” ที่ผ่านมากานต์เคยมีแฟนแค่คนเดียว ทำให้ประสบการณ์ด้านความรักน้อยมาก เพราะเราเอาเวลาไปทำงานหมด เวลามีความรักแล้วกลัวแฮนเดิลได้ไม่ดี จัดการกับอารมณ์ยาก จึงอยากได้ผู้นำในชีวิต แต่ถ้าเลือกได้อยากได้คนที่สูงกว่าตัวเองค่ะ

นับจากนี้ “ชนนิกานต์ สุพิทยาพร” จะร่วมปฏิบัติภารกิจสาธารณกุศลมากมาย เพื่อเป็นตัวแทนหญิงไทยแห่งยุคสมัยใหม่ รวมถึงเป็นกระบอกเสียงให้กับสังคม ส่งเสริมและยกระดับการศึกษาให้คนไทยทุกคนได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน สนับสนุนทุนการศึกษาให้กับเด็กที่ด้อยโอกาสทางการศึกษาและเป็นทูตวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวตลอดระยะเวลาดำรงตำแหน่ง.

ช้องมาศ พุ่มสวัสดิ์ : เรื่อง
ภมร มานะพรชัย/พิชญวัฒน์ ปรุงศักดิ์ : ภาพ