พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนไปเรียบร้อยแล้ว! เป็นการยุบสภา ก่อนที่สภาผู้แทนราษฎรชุดนี้จะหมดวาระเพียงแค่ 3 วัน

ก็ไม่รู้ว่าเป็นการคืนอำนาจให้ประชาชนช้าไปหรือเปล่า? เนื่องจากถูก ส.ส.ฝ่ายค้าน ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล รวมทั้งนักวิชาการ และประชาชน ถามกันมาหลายเดือนแล้วว่าจะยุบสภาเมื่อไหร่?

หลังสุดเมื่อวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ไปตรวจราชการที่ จ.เชียงใหม่ เจอป้าคนหนึ่งบุกเข้ามาประชิดตัว พร้อมชู 3 นิ้ว แล้วมอบดอกไม้แห้งให้ด้วย จากนั้นได้ถามนายกฯว่าจะยุบสภาเมื่อไหร่

วันนี้ “พยัคฆ์น้อย” ต้องถาม พล.อ.ประยุทธ์ว่ายุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนจริงหรือเปล่า? และจะไปต่อเพื่อเป็นนายกฯ อีก 2 ปี จะไปแบบไหน?

เนื่องจากทุก “โพล” ไม่มีเลยที่จะให้ พล.อ.ประยุทธ์ไปต่อ! มี “โพล” ไหนให้พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้รับความนิยมมากที่สุดบ้าง?

ถ้า พล..ประยุทธ์เป็นสุภาพบุรุษชายชาติทหารที่ต้องการคืนอำนาจให้ประชาชนจริง ๆ และอยู่มา 8 ปีพอ แล้ว! พล..ประยุทธ์ต้องกล้าประกาศไปเลยว่าถ้าพรรครวมไทยสร้างชาติพ่ายแพ้การเลือกตั้งปีนี้ จะไม่เอา “ส..ลากตั้ง” จะไม่เอา “น้องชาย” ไม่เอา “คู่เขย” ของตัวเองที่เป็น ส.. มาช่วยยกมือหนุนให้ พล..ประยุทธ์เป็นนายกฯ อีก

พล.อ.ประยุทธ์ต้องประกาศท่าทีให้ชัดเจนไปเลยว่า ถ้าพรรครวมไทยสร้างชาติได้จำนวน ส.ส.น้อยกว่าพรรคประชาธิปัตย์ น้อยกว่าพรรคภูมิใจไทย และพรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประยุทธ์จะต้องวางมือทางการเมือง ไม่ยุ่งกับการรวบรวมเสียง ไม่มี “ภาคพิสดาร” และไม่มีอภินิหารทางกฎหมายออกมาอีก

เนื่องจากการเลือกตั้งปี 62 มีอะไรพิสดารเกิดขึ้นมากมายในการเลือกตั้ง ทำให้มี ส..ปัดเศษ! เกิดพรรคเล็ก พรรคน้อยรวมกันตั้งรัฐบาลผสมเกือบ 20 พรรค การเมือง ถือว่ามากที่สุดนับตั้งแต่ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475

แต่การเลือกตั้งปีนี้ (14 พ.ค. 66) มีกติกาเข้มข้น เข้าใกล้ระบอบประชาธิปไตยมากขึ้น ด้วยบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ และสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อหารด้วย 100 เท่ากับจำนวนของ ส.ส.บัญชีรายชื่อหลังการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค.66 พรรคการเมืองเล็ก ๆ จึงอยู่ไม่ได้ ถึงอยู่ได้ก็ไม่รู้ว่าจะได้ส.ส.เข้ามาสักคนหรือเปล่า

ดังนั้นเมื่อไม่มีพรรคเล็ก ๆ พล.อ.ประยุทธ์ จึงเหลือแต่ ส.ว. 250 คน โดย ส.ว.เหล่านี้จะเป็นไม้ค้ำยันช่วยครบทั้ง 250 คนหรือเปล่า นั่นอีกเรื่องหนึ่ง

แต่อย่าประมาท พล..ประยุทธ์เป็นอันขาด! เพราะอาจจะมีอะไรพิสดารเกิดขึ้นอีกก็ได้ ซึ่งตอนนี้มีให้เห็นแล้วกรณี กกต.แบ่งเขตเลือกตั้งแบบพิสดารในหลายเขต ตามมาด้วยกระแสข่าวพิสดาร “ประยุทธ์อนุทิน” จะแบ่งกันเป็นนายกฯคนละ 2 ปี หรือว่า “ประยุทธ์” จะแบ่งกันเป็นนายกฯ คนละ 2 ปี กับ “ประวิตร” ก็ไปตกลงกันให้ดี

แต่อาจจะพิสดารสุด ๆ คือการเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย แล้วไปไล่ต้อน ส.ส.มารับ “กล้วย” กันในภายหลัง พูดง่าย ๆ ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ ถ้ายังไม่ยอมคืนอำนาจให้ประชาชนจริง ๆ

————————-
พยัคฆ์น้อย