ชาแซม จุดเดือดเทพเจ้า (Shazam! Fury of the Gods)

เรียกว่ารอคอยกันอยู่นาน…สำหรับคอหนังฮีโร่ฝั่ง DC ที่จะได้ดูฮีโร่สุด HoT อย่าง Shazam ภาค 2 กำหนดฉาย 16 มี.ค. 2566 โดยภาคนี้มีชื่อว่า “Shazam! Fury of theGods หรือ “ชาแซม จุดเดือดเทพเจ้า” ผลงานจาก นิว ไลน์ ซีเนม่า เจ้าเก่า ย้อนรอย…ภาคแรกกันสักหน่อย บิลลี่ แบทสัน หนุ่มน้อยวัย 15 ปี (รับบทโดย แอชเชอร์ แองเจิล) ผู้อาศัยอยู่ในเมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา ได้รับการคัดเลือกจาก พ่อมด ชาแซม (รับบทโดย ดิจิมอน ฮาวน์ซู) ให้มาเป็นฮีโร่ฝ่ายเทพ

เมื่อเอ่ยคำวิเศษ “ชาแซม!” เขาก็กลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่ล่ำบึ้ก “Shazam” (รับบทโดย แซคารี ลีวาย) “บิลลี่” ต้องต่อกรกับ “ดร.แธดดีอุส ไซวาน่า” (รับบทโดย มาร์ก สตรอง) นักวิทยาศาสตร์ที่หวังครอบครองอำนาจมืดทั้ง 7 ซึ่งภายหลัง “บิลลี่” ได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนเด็กด้วยกัน เขาจึงสามารถเอาชนะ ดร.ตัวร้าย ส่งไปนอนในคุกได้สำเร็จ แต่เพราะพลังของเหล่าแชมเปี้ยน ล้วนได้มาจากพลังของเทพอันได้แก่ ปัญา-โซโลมอน, พละกำลัง-เฮอร์คิวลีส, ความอดทน-แอตลัส, สายฟ้า-ซุส, ความกล้าหาญ-อคิลลีส และ ความเร็ว-เมอร์คิวรี นั่นจึงทำให้บุตรสาวของ “เทพแอตลาส” ต้องการช่วงชิงเอาพลังกลับคืนไปยังอาณาจักรเทพ

โดยกลุ่มบุตรสาวทั้งสาม ประกอบไปด้วย “เฮสเพอร์ร่า” (รับบทโดย เฮเลน เมียร์เรน) ลูกสาวคนโตผู้มีพลังควบคุมธรรมชาติทั้งปวง, “คาลิปโซ่” (รับบทโดย ลูซี หลุย) ลูกสาวคนรอง ผู้มีพลังสะกดจิตมนุษย์ สร้างความโกลาหล ทั้งยังเป็นเจ้าของมังกรยักษ์ “แลดอน” และ แอนเธีย (รับบทโดย ราเชล เซเกลอร์) ลูกสาวคนสุดท้อง ผู้มีพลังควบคุมแกนของโลก เหล่าฮีโร่พลังเทพจะต่อกรกับ 3 เทพพลังสุดแกร่งได้หรือไม่ ติดตามกันได้ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น…

จุดแข็ง ค่ายหนังยังคงเลือก “เดวิด เอฟ. แซนด์เบิร์ก” ผู้กำกับหนังสยองขวัญ เจ้าของผลงาน “ไลท์เอาท์: มันออกมาขย้ำ” มากุมบังเหียนเพื่อสร้างความเป็นแอ๊คชั่นแฟนตาซีให้หนักกว่าเก่า แทรกมุกฮากัดจิกทั้งจากค่ายตัวเองและค่ายฝั่งตรงข้าม เชื่อมโยงรวม Easter Egg จนกลายเป็นมีมล้อเลียนไว้เพียบ งานนี้แฟนพันธุ์แท้หนังฮีโร่ได้ฮาท้องแข็งแน่นอน

ส่วนฉากการถ่ายทำต่าง ๆ ไปจนถึง CG เรียกว่าปล่อยของกันโหดสุด! ไล่ไปตั้งแต่ฉากการทำลายเมือง ฉากปรากฏตัวของมังกรจอมโหด ไปจนถึงการใช้เวทมนตร์สุดเจ๋งต่าง ๆ สำหรับความกังวลที่ว่า จะมีฉากสยองอะไรหรือเปล่านั้น ต้องบอกคุณพ่อคุณแม่ว่า พาคุณลูกไปดูได้สบายใจ 100% หนังทำมาให้ดูได้ทั้งครอบครัว บทหนังยังพยายามสอนเด็ก ๆ ให้รู้จักการทำงานเป็นทีม ความกล้าหาญ และเสียสละเพียง ที่สำคัญเป็น การเป็นฮีโร่เพื่อช่วยสังคมอย่างเดียว คงไม่ทำให้ชีวิตดีขึ้น เพราะชีวิตจริงคือต้องเรียนนังสือ เติบโต ทำงานเลี้ยงชีพ สร้างอนาคตของตัวเองด้วย

จุดอ่อน การให้น้ำหนักบทฮีโร่เด็กแบบไม่เท่าเทียม โดยในภาคนี้ “เฟรดดี้ ฟรีเมน” (รับบทโดย แจ็ค ดีแลน เกรเซอร์) “เด็กเนิร์ด” คู่ซี้พระเอกอย่าง “บิลลี่” กำลังมีความารัก เขาจึงรับบทเด่นกว่าคนอื่น ๆ เรียกว่าเด่นกว่า “ซูเปอร์ฮีโร่เฟรดดี้” (รับบทโดย อดัม โบรดี) ด้วยซ้ำ รองลงมาก็คือ น้องคนเล็กในบ้าน “ดาร์ลา ดัดลีย์” (รับบทโดย เฟธ เฮอร์แมน) แปลงร่างเป็น “ซูเปอร์ดาร์ลา” (รับบทโดย มีแกน กู๊ด) บทของเธอจะเปล่งประกายในช่วงท้ายเรื่องเป็นอย่างมาก

ขณะที่ตัวละครฮีโร่อีก 3 ตัว เริ่มจาก พี่สาวคนโต “แมรี่ บรอมฟิลด์” (รับบทโดย เกรซ ฟุลตัน) ทั้งร่างเด็กและซูเปอร์ฮีโร่ เรียกว่าฉายแววความงามสุด ๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมต้อง เนิฟบทของเธอจนแทบหายไปจากจอ เช่นเดียวกับ เด็กหนุ่มเอเชียอย่าง “ยูจีน ชเว” (รับบทโดย เอียน เฉิน) ที่แปลงร่างเป็น “ซูเปอร์ยูจีน” (รับบทโดย รอสส์ บัตเลอร์) กับเด็กอ้วนอย่าง “เปรโต เปนย่า” (รับบทโดย โฮวาน อาร์ม็อง) ที่แปลงร่างเป็นฮีโร่ “ซูเปอร์เปรโต” (รับบทโดย ดีเจ โคโทรน่า) ก็ไม่ค่อยโชว์สกิลความเก่ง หรือมีบทบาทอะไรมากมายเท่าไหร่…

ที่น่าตกใจและคิดว่าเป็นสิ่งที่พลาดมาก ๆ ก็คือปัญหาในเรื่องการโชว์ แอ๊คชั่นเดือด ผู้สร้างหนังไปเน้นเรื่องงานภาพ CG สวยงาม มากกว่าโชว์ศิลปะการต่อสู้สวย ๆ แตกต่างจากภาคแรกอย่างชัดเจน แม้จะเข้าใจว่านี่คือ “หนังเด็ก” เอาใจแฟนคลับเด็ก ๆ ด้วยการจัดมุกบาทสองบาทมาเล่น แรก ๆ ก็ตลกดี แต่หลัง ๆ ดูเกลื่อนไปหน่อย ดูจากเหล่านักวิจารณ์จากเว็บมะเขือเน่า (rottentomatoes.com) ให้คะแนนความสดวันแรก ๆ ไปถึง 93% แต่พอผ่านพ้นไปได้ 2-3 วัน ก็ดร็อปเหลือ 63% ทันที

3/5 สำหรับความบันเทิงแบบชิลชิล เด็กดูได้…ผู้ใหญ่ดูดี ไม่เน้นแอ๊คชั่นเดือด แต่เน้นโชว์ CG งาม ๆ กับการปล่อยมุก แย่งซีนทั้งเรื่อง

——————————————–

คอลัมน์ : ดูหนังกับหมี
โดย : แพนด้าอ้วน
ขอบคุณข้อมูล ภาพ จากเว็บไซต์ Youtube และ Warner Bros. Pictures