นางชญณา ศิริภิรมย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ซมโปะ ประกันภัย (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจประกันภัยในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มอยู่ในภาวะทรงตัว จากผลกระทบของโควิด-19 ที่มีต่อเศรษฐกิจไทย จึงอยากให้การฉีดวัคซีนของประเทศเดินหน้าให้ได้ตามเป้าหมายเพื่อร่วมสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในประเทศ ทำให้ประเมินว่าทั้งปี 64 ธุรกิจประกันภัยจะอยู่ในระดับทรงตัวเมื่อเทียบกับปี 63 และประกันที่เติบโตต่อเนื่องคือ ประกันสุขภาพที่ได้รับความสนใจจากคนไทยสูงอยู่

อย่างไรก็ตามในช่วง 6 เดือนแรกปี 64 เบี้ยประกันภัยของซมโปะเติบโตจากลูกค้ารายใหญ่ โดยส่วนใหญ่เป็นองค์กรธุรกิจจากประเทศญี่ปุ่น มีสัดส่วนอยู่ที่ 85% ส่วนลูกค้ารายย่อยอยู่ที่ 15% ของพอร์ตรวม แบ่งเป็นประเภทต่าง ๆ ดังนี้ ประกันภัยทรัพย์สินและเบ็ดเตล็ด อยู่ที่ 63% ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าองค์กรมีสัดส่วน, ประกันภัยรถ อยู่ที่ 14%, ประกันภัยอื่น ๆ อยู่ที่ 10% เช่น ประกันพืชผล, ประกันสุขภาพ อยู่ที่ 5% และประกันภัยการเดินเรือ อยู่ที่ 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ภาพรวมธุรกิจประกันภัยในปีนี้ที่อยู่ในภาวะทรงตัว แต่ทิศทางธุรกิจประกันภัยในปี 65 มีโอกาสกลับมาขยายตัวในระดับที่ดีได้และอาจถึงระดับสองหลัก มีปัจจัยสำคัญคือเรื่องการฉีดวัคซีนที่ต้องครบตามกำหนดทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในประเทศเป็นผลสำเร็จ และสถานการณ์โรคระบาดที่คลี่คลายไปจากประเทศไทย ทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาขยายตัวได้ดีตั้งแต่เดือน ม.ค.65 เป็นต้นไป หลังจากนั้นปีต่อไป ปี 66 ธุรกิจประกันภัยจะกลับมาขยายตัวได้ในระดับที่ดี เทียบเท่าช่วงก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19 ในประเทศไทย

“จากนี้จนถึงสิ้นปี 64 โดยแผนขยายตลาดในกลุ่มลูกค้ารายย่อยจะนำเสนอบริการพิเศษให้แก่ลูกค้าที่กำลังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เนื่องจากบริษัทมีความเข้าใจถึงผลกระทบกับลูกค้าในช่วงนี้ที่มีรายได้ลดลง ทำให้จัดโปรโมชั่น ซมโปะ ลดสุดใจช่วยคนไทยสู้วิกฤติ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่มีราคาพิเศษสำหรับช่วงโควิด-19 เพื่อช่วยดูแลลูกค้าที่อยากทำประกันชั้น 1 และไม่อยากขาดการอายุประกัน”

สำหรับแผนในปี 65 พร้อมนำเสนอสิ่งใหม่ให้แก่ลูกค้าโดยเน้นผลิตภัณฑ์สำหรับกลุ่มลูกค้ารายย่อยมากขึ้น เนื่องจากฐานกลุ่มลูกค้ารายใหญ่องค์กรมีความมั่นคงอยู่แล้วทำให้เตรียมแผนงานไว้รองรับทั้ง การจัดทำแบรนด์ดิ้ง การจัดทำผลิตภัณฑ์ประกันรถ และประกันที่เป็นนอน มอเตอร์ คือประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ และประกันการเดินทาง เนื่องจากบริษัทมีความชำนาญและเชี่ยวชาญอยู่แล้ว รวมถึงนำเทคโนโลยีและดาต้า มาบริหารจัดการภายใน เพื่อร่วมขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ ที่เป็นคนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตอยู่กับเทคโนโลยี และเป็นกลุ่มมีความสนใจเลือกทำประกันภัยมากขึ้น