“ประชาธิปไตยยืนหนึ่ง” สอบถามมุมมองนักศึกษารั้วสถาบัน มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ตัวแทนเหล่านี้ สะท้อน “หมุด” ความคิดเห็นและมองปัญหาการเมืองในวัยนี้อย่างไรบ้าง
เชียร์คนรุ่นใหม่ เปลี่ยนหน้าอนาคต
“วิษณุ” มองจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งรุ่นใหม่ที่สนใจการเมืองกันมากขึ้น แม้ไม่เคยผ่านการใช้สิทธิมาก่อน แต่คนรุ่นใหม่รู้ว่าพลังของตัวเองสามารถเปลี่ยนหลายเรื่องได้ ตั้งแต่พื้นฐานชีวิตไปจนถึงกฎหมาย
“คนรุ่นใหม่ที่สามารถเลือกตั้งครั้งแรกได้รอบนี้มีจำนวนมาก คิดว่าน่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้เยอะ อีกอย่างคนรุ่นใหม่สนใจการเมืองมากขึ้น หากร่วมระดมสมองเอาความคิดใหม่ ๆ เข้ามา การร่วมกันเปลี่ยนประเทศในทิศทางดีขึ้นจะสามารถทำได้ ถึงแต่ละคนจะมีมุมมองต่อเรื่องนี้ไม่เหมือนกัน แต่ท้ายที่สุดแล้ว ผลออกมาทุกคนอยากให้ประเทศเดินไปข้างหน้า ไม่อยากให้อยู่ในกรอบเก่า ๆ ที่เคยเป็นอยู่”
“ปภาพิชญ์” เป็นอีกคนที่มองว่าพลังคนรุ่นใหม่ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากถึง 60-70% ส่วนอีก 30-40% ยังแก้ไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ดีขึ้นกว่าเดิม ให้รู้สึกว่าประเทศพัฒนาไปเรื่อย ๆ ไม่ได้หยุดอยู่กับที่ คนรุ่นใหม่ที่ผ่านมา ไม่ได้ออกเสียงผ่านการเลือกตั้ง เพราะยังไม่เคยเลือกตั้ง การออกเสียงของคนรุ่นใหม่เป็นการออกเสียงผ่านการประท้วงลงถนน
ดังนั้น คนรุ่นใหม่ต้องการพรรคการเมืองที่รับฟังเสียงเด็กด้วย ไม่อยากเห็นคนที่แสดงความคิดเห็นทางการเมือง ต้องโดนคดีเพียงเพราะแสดงความเห็นต่าง
“ถ้าเราไม่ไป อนาคตข้างหน้าก็ต้องอยู่แบบนี้แบบเดิม แต่เดิมอาจจะคิดว่าการเมืองมันไม่ใช่เรื่องของตัวเอง เด็กอย่าเพิ่งไปยุ่ง แต่ตอนนี้เด็กรุ่นใหม่มีความใส่ใจการเมืองมากขึ้น ซึ่งพลังเราจะเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่างได้ผ่านการเลือกตั้งครั้งนี้ เราอยากจะเห็นคุณค่าของทุกคนอยู่ด้วยกันให้ได้มากยิ่งขึ้น”
“สักรินทร์” เป็นอีกคนที่มองว่า ถ้าครั้งนี้เปลี่ยนไม่ได้ ครั้งหน้าเราก็จะพยายามต่อไป เชื่อว่าหลายคนรู้สึกอย่างนั้น
ความเท่าเทียม-ฉวยปัญหาใต้ดินขึ้นบนดิน
“วิษณุ” ระบุ นโยบายที่อยากนำเสนอคืออยากให้ความยุติธรรมในประเทศไทยชัดเจนยิ่งขึ้น และไม่ละเมิดสิทธิ ไม่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจนเกินไปอย่างที่เห็นในปัจจุบัน
“ปภาพิชญ์” มองถึงประเด็นสมรสเท่าเทียม หลังเห็นหลายคู่ที่คบหา สร้างตัวมาด้วยกัน แต่เมื่ออีกคนเสียชีวิต ทรัพย์สินไม่สามารถยกให้คู่รักได้ แต่ตกเป็นของครอบครัวที่ไม่ได้เข้ามาสนับสนุน จุดนี้อยากเสนอแก้กฎหมายให้สมรสเท่าเทียมผ่านคู่รักเพศเดียวกันสามารถจดทะเบียน แต่งงานกันได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
“สักรินทร์” เผยว่า อยากผลักดันให้ทั้ง 3 สิ่ง คือหวย บ่อน การค้าประเวณีเป็นเรื่องถูกกฎหมาย เพราะหวย บ่อน การค้าประเวณีทำเงินใต้ดินเยอะมาก ถ้าจัดเก็บภาษีอย่างถูกวิธี จะเป็นการเพิ่มรายได้ให้ประเทศ และควบคุมได้ง่าย แต่บ้านเรากลับถือว่าผิดกฎหมาย เรื่องพวกนี้ขับเคลื่อน เป็นนัยส่วนหนึ่งคือความเท่าเทียม คือการเคารพสิทธิกัน
แก้ค่านิยมการศึกษา ทรงผม เรียนเก่งคือคนดี
“วิษณุ” สะท้อนว่า การศึกษายังอยู่ในกรอบเก่าหลายอย่าง เช่น เรื่องทรงผม ตัดผม กล้อนผมที่เป็นปัญหา คนรุ่นใหม่เห็นว่าการตัดผมไม่ได้มีผลต่อการเรียน ฝ่ายคนรุ่นเก่าก็ยังเห็นเป็นกฎระเบียบที่ทำกันมา โดยยึดโยงกับคำว่าฝึกวินัย ซึ่งการฝึกวินัยทำได้ด้วยวิธีการอื่น
นอกจากนี้ ยังมีค่านิยมเกี่ยวกับคะแนนเกรดดี อันดับผลการเรียนดี จะต้องมีคุณค่ามากกว่าคนอื่น ซึ่งไม่ใช่ เพราะควรให้คุณค่ากันในมิติที่หลากหลาย ทุกคนมีคุณค่าในตัวเอง ไม่ว่าจะเกรดต่ำ-สูง เนื่องจากความถนัดที่มีไม่เหมือนกัน เรื่องนี้ควรต้องปรับ
“เรื่องนี้มันไม่ใช่เครื่องการันตีว่า เขาจะประสบความสำเร็จในชีวิตหรือจะเป็นคนดี เป็นคนที่มีความสุข หากปรับได้ การศึกษาเราก็จะเปลี่ยนไปได้ในอีกทิศทางหนึ่งที่ดีขึ้นเลย”
ขณะที่ “ปภาพิชญ์” มองว่ากรอบเก่า ๆ นำไปสู่การปิดกั้นความคิด ความเชื่อที่ว่า เด็กต้องเชื่อฟัง ต้องอยู่ในกรอบ โดยไม่สามารถตั้งคำถามหรือไม่ทำตามกฎโรงเรียนหรือคำสั่งครูได้
โดยสรุป “การศึกษา” เป็นอีกเรื่องที่คนรุ่นใหม่อยากให้เกิดความเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะระเบียบวินัยในโรงเรียน ทั้งเรื่องทรงผม และค่านิยมเด็ก (เรียน) ดีที่ไม่เชื่อมโยงบริบทปัจจุบัน แต่กลับล้าหลัง และไม่ทำให้เกิดพลเมืองที่ดีและมีคุณค่ากับประเทศ
“ประชาธิปไตยยืนหนึ่ง” จะยังมีสุ้มเสียงคนรุ่นใหม่ต่อทิศทางบ้านเมืองมานำเสนอเป็นระยะ เพื่อเป็นอีกพื้นที่สะท้อนความเห็นที่เป็นประโยชน์ในการเลือกตั้ง.