“ไม่สำคัญหรอกว่าคุณหาเงินได้เท่าไร สำคัญตรงที่คุณเก็บเงินได้เท่าไรต่างหาก…อย่าเสียดายถ้าต้องใช้เงินเพื่อเพิ่มพูนความฉลาด เพราะการต้องจ่ายค่าโง่ทีหลังนั้นจะแพงกว่าเสมอ”

อารมณ์ชั่ววูบของคนเรานั้น สร้างความเสียใจทั้งต่อผู้รับในขณะนั้นและต่อตัวเราเอง เป็นเรื่องราวที่เกิดได้ทุกวัน ยิ่งอยู่ในสภาวะเครียดและกดดันมาก ก็มีโอกาสหลุดได้บ่อยขึ้น เช่นคดีโหดเหี้ยมคดีนี้

เหตุการณ์สะเทือนขวัญนี้เกิดขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางปู จ.สมุทรปราการ ได้รับแจ้งเหตุว่ามีหญิงถูกไล่ทำร้ายร่างกายด้วยการราดน้ำมันจุดไฟเผา ก่อนที่คนร้ายจะตามไปใช้มีดแทงซ้ำหลายครั้งจนถึงแก่ความตาย เหตุเกิดบริเวณท้ายซอยนิคมบางปู ซอย 9
ทันทีที่ไปถึงก็พบชายสูงอายุ ซึ่งเป็นพลเมืองดีที่พยายามเข้าไปช่วยเหลือหญิงผู้ตายทำให้ถูกไฟลวกที่แขนจนบาดเจ็บไปด้วย จึงปฐมพยาบาลและช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาล

ส่วนในร่องน้ำพบศพ นางณัฐนันท์ จูมฟอง อายุ 45 ปี นอนตะแคงข้างเสียชีวิตในสภาพเลือดท่วมตัวและเปลือยกายหมด มีบาดแผลถูกไฟไหม้ตามร่างกาย มีบาดแผลจากการถูกแทงตามร่างกาย ทั้งที่ต้นขา สะโพก หน้าท้อง ราวนม หลัง รวมแล้ว 6 แผล โดยที่พื้นถนนยังพบแกลลอนน้ำมัน เศษผ้าที่ถูกไฟไหม้ กระจายเกลื่อนพื้นถนน

ผู้ก่อเหตุคือ นายพิสุทธ์ศิริ จันทร์โสดา อายุ 42 ปี ไม่สวมเสื้อ สวมเพียงกางเกงขาสั้น ขับรถกระบะหลบหนีไป โดยก่อนเกิดเหตุในขณะที่กลุ่มพลเมืองดีกำลังยืนเช็ดรถสองแถวกันอยู่ มีรถกระบะขับมาจอดแล้วมี นางณัฐนันท์ วิ่งเปลือยกาย โดยมีผ้าขนหนูปิดตัววิ่งมาขอความช่วยเหลือ

จังหวะนั้น นายพิสุทธ์ศิริ ได้วิ่งตามหมายมาจับตัว นางณัฐนันท์ แต่กลุ่มพลเมืองดียืนกันไว้ ทำให้ นายพิสุทธ์ศิริ ย้อนกลับไปที่รถและนำน้ำมันเบนซินที่เตรียมใส่แกลลอนมาสาดใส่ฝ่ายหญิงและพลเมืองดี ก่อนจะจุดไฟเผาจนไฟลุกไหม้ ทำให้ทั้งพลเมืองดีและ นางณัฐนันท์ ต้องวงแตกหนีตายกันคนละทิศคนละทาง

ฝ่ายหญิงคนตายด้วยความร้อนที่ถูกไฟไหม้จึงวิ่งหนีตายกระโดดลงร่องน้ำ เมื่อเห็นว่าไฟโดนน้ำแล้วกำลังจะดับ แทนที่ชายทมิฬจะหนีไป แต่กลับย้อนกลับไปเอามีดปลายแหลมในรถวิ่งตามไปจ้วงแทงแบบไม่ยั้งหลายครั้งจนเสียชีวิต ก่อนจะขับรถหนีไป

หลานสาว นางณัฐนันท์ เล่าว่า น้าสาวคบกับ นายพิสุทธ์ศิริ มาสักระยะแล้ว โดยน้าสาวทำงานอยู่บริษัทเดลต้า ในนิคมอุตสาหกรรมบางปู ส่วนน้าเขยทำงานขับรถส่งของ ทั้งคู่เคยทะเลาะกันเรื่องหึงหวงและชู้สาว

จากการสืบสวนทราบว่า สาเหตุมาจากเรื่องหึงหวง นายพิสุทธ์ศิริ น่าจะบังคับฝ่ายหญิงขึ้นรถมา ระหว่างทางเกิดมีปากเสียงกัน ฝ่ายหญิงจึงจะอาศัยจังหวะที่ฝ่ายชายเผลอ เปิดประตูวิ่งมาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน กระทั่งฝ่ายชายตามมาลงมือก่อเหตุจนเสียชีวิต

ถัดมา ตำรวจก็สามารถจับกุมตัว นายพิสุทธ์ศิริ เอาไว้ได้ในและแจ้งข้อหาฆ่าโดยไตร่ตรอง โดยหลังลงมือฆ่าได้ขับรถวนไปตามเส้นทางต่าง ๆ ก่อนจะกลับมาจอดแถวแม่น้ำบางปะกงเพื่อเตรียมปลิดชีพตัวเองหนีความผิด แต่ถูกตำรวจตามแกะรอยจับกุมตัวได้ก่อน

เมื่อสอบสวนอย่างละเอียดทำให้ทราบว่า ทั้งคู่อยู่กินกันมาสักระยะแล้ว แต่ นายพิสุทธ์ศิริ ไปพบข้อความที่ผู้ตายแอบคุยกับชายอื่นจึงโมโหเกิดมีปากเสียงทะเลาะกัน จากนั้นผู้ตายได้ไปพักอยู่กับเพื่อนได้ 4-5 วัน กระทั่งวันเกิดเหตุได้นัดผู้ตายให้มาหา เพื่อเคลียร์ปัญหากัน ก่อนจะชักชวนกันไปทำบุญที่วัดคลองเก้า

หลังทำบุญได้ไปนั่งคุยกัน ระหว่างนั้นพบว่าผู้ตายยังแอบไปคุยกับชายอื่น นายพิสุทธ์ศิริ จึงโมโหมีปากเสียงกันรุนแรงอีก จนสติแตกใช้น้ำมันเบนซินที่เตรียมมา เทราดผู้ตายและเทราดตัวเองด้วย พร้อมขู่ว่าจะเผาให้ตายไปด้วยกันทั้งคู่

แต่ผู้ตายใจดีสู้เสือทำทีคุยดีด้วยจน นายพิสุทธ์ศิริ เริ่มใจเย็นลง ก่อนที่จะขับรถไปบริเวณที่เกิดเหตุ และเตรียมเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปื้อนคราบน้ำมันออก ก่อนที่ผู้ตายจะบอกว่ารู้สึกหิวน้ำ ให้จอดและใช้จังหวะนั้นวิ่งลงจากรถไปขอความช่วยเหลือ

ทำให้ นายพิสุทธ์ศิริ โมโหมากกลับไปเอาน้ำมันเบนซินในรถสาดใส่ผู้ตายที่หนีไปหลบอยู่หลังพลเมืองดีที่บาดเจ็บ ก่อนหยิบไฟแช็กจุดไฟเผาผู้ตาย ทำให้พลเมืองดีถูกไฟลวกบาดเจ็บไปด้วย ส่วนผู้ตายที่ถูกไฟเผารีบวิ่งลงไปในน้ำ แต่ นายพิสุทธ์ศิริ ไม่ยอมลดละ วิ่งกลับไปหยิบมีดตามไปจ้วงแทงจนเสียชีวิต

โดยตลอดระยะเวลาการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ญาติๆของผู้ตายต่างตะโกนด่าทอสาปแช่งให้ผู้ต้องหาตกนรกหมกไหม้ รวมทั้งกรูกันเข้าไปรุมประชาทัณฑ์ด้วยความโกรธ แม้ว่าตัวผู้ต้องหาจะพยายามตะโกนตลอดเวลาว่า ขอโทษและเสียใจ ที่ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบจริง ๆ แต่ก็ไม่ทำให้ความเคียดแค้นของญาติ ๆ ผู้ตายลดลงแม้แต่น้อย

นี่เป็นคดีสะเทือนอารมณ์อย่างมากในรอบสัปดาห์ จากคนที่เคยรักกัน คบหากัน มีความสุขด้วยกัน กลับกลายเป็นการทำร้ายกันแบบรุนแรงถึงขั้นโหดเหี้ยมทารุณกรรม เพียงเพราะคำว่า “อารมณ์ชั่ววูบ” เท่านั้นเอง.

ข่าวสารตำรวจ

ชาวบ้านเอือมระอา
พ.ต.ท.ธรรมวิทย์ พลแก้ว รอง ผกก.ป.สภ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น มอบหมายให้ ด.ต.นเรศ พรมมา และ ด.ต.ปิยณัฐ กองจันดี เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.ชุมแพ นำกำลังอาสาสมัคร ลงพื้นที่เก็บกวาดหินบนถนน หลังรับแจ้งจากศูนย์วิทยุ ว่ามีประชาชนแจ้งเหตุพบหินตกหล่นบนถนนมลิวรรณ หน้าร้านไดนาสตี้ สาขาชุมแพ เป็นทางยาว ซึ่งอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุกับประชาชนที่สัญจรได้ สำหรับถนนมลิวรรณระหว่างอำเภอชุมแพไปถึงอำเภอภูผาม่าน มีโรงโม่หินหลายแห่ง พบว่ามีรถบรรทุกหินวิ่งตลอดทั้งวันคืน ซึ่งมีหลายคันมักง่ายไม่คลุมผ้า บรรทุกสูงล้นคอก ทำให้หินร่วงหล่นบนถนน บางรายหล่นใส่กระจกหน้ารถยนต์แตกเสียหาย จนชาวบ้านเอือมระอา คงต้องฝากไปถึงสารวัตรตำรวจทางหลวงขอนแก่น เจ้าของพื้นที่ ช่วยกำชับกวดขันตำรวจทางหลวงในสังกัด ที่รับผิดชอบ จับกุมดำเนินคดีให้เข็ดหลาบสักที

แนะนำข้อกฎหมาย
พ.ต.อ.สุรสิทธิ์ เนื่องจำนงค์ ผกก.สภ.ดอนหัวฬ่อ อ.เมือง จ.ชลบุรี พ.ต.ท.ฉัตรชัย ตาวัน รอง.ผกก.ป.พร้อมด้วยผู้ใต้บังคับบัญชา ร่วมตรวจเยี่ยมพบปะผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ ผู้นำชุมชนและประชาชนตำบลนาป่า เพื่อรับทราบปัญหาในพื้นที่รวมทั้งทำความเข้าใจพร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับข้อกฎหมายในการถูกฉ้อโกงทางออนไลน์และปัญหายาเสพติด ซึ่งมี ราชัน วิจิตร ผญบ.ม.10 นรินทร์ สุกใส ผญบ. หมู่ 11 ตำบลนาป่า ธนพล นุตตานนท์ ประธานสภาเทศบาลตำบลนาป่า อิทธิกร สวัสดี รองประธานสภา และสมาชิกสภา เข้าร่วมโครงการพร้อมเพรียง

น้ำใจชาว กต.ตร.
หลังเกิดอัคคีไฟภายในโรงพักศรีบุญเรืองเมื่อวันก่อนทำเอา พ.ต.อ.สุมิตร นันสถิตย์ ผกก.สภ.ศรีบุญเรือง และข้าราชการตำรวจในสังกัดเดือดร้อนและวุ่นวายใจ เบื้องต้นหาสาเหตุน่าจะเกิดจากตู้คอลโทลระบบไฟฟ้าภายในห้องเก็บวัสดุเป็นจุดชนวนเหตุ ต่อไปหากจุดตั้งระบบควบคุมไฟอยู่ในที่ผู้คนไม่ค่อยได้เห็นและสังเกตบ่อยๆแบบนี้ทุกหน่อยงานมีโอกาสเสี่ยงภัยสูง ส่งผลให้ผู้เป็นนายสั่งการทำความชัดเจนให้กระจ่างพร้อมให้บริการประชาชนโดยเร็ว ในขณะที่ภาคเอกชนนำโดย คมสันต์ ไชยรัตน์ ประธาน กต.ตร.สภ.ศรีบุญเรือง พร้อมคณะกรรมการ กต.ตร.และพ่อค้าคหบดีในเขตอำเภอศรีบุญเรือง นิ่งนอนใจไม่ได้นำถังสีพร้อมอุปกรณ์ในการทาสีและมอบน้ำใจให้ในวันระดมพลคนจิตอาสาพัฒนาปรับปรุง 5 ส.ด้วยใจทั้งภายในและภายนอกโรงพักคืนสภาพโดยเร็ว ทำเอา พล.ต.ต.พงพิพัฒน์ ศิริพรวิวัฒน์ ผบก.ภ.จว.หนองบัวลําภู คลายความกังวลไปอีกหนึ่งเปราะ

เจริญพระพุทธมนต์
พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ เปรี่ยมรัตนชัย สว.สภ.โพนเขวา พร้อมข้าราชการตำรวจจิตอาสา สภ.โพนเขวา อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เจริญจิตภาวนาถวายพระพรชัยมงคล แด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ที่วัดบ้านโนนดั่ง หมู่ 7 ต.หนองแก้ว อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ

เพิ่มประสิทธิภาพ
พล.ต.ต.ปิติ นฤขัตรพิชัย ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการอบรมเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบข้อเท็จจริงและการดำเนินการทางวินัย แก่ข้าราชการตำรวจ สังกัด ภ.จว.เพชบุรี ประจำปี 2566 ตามนโยบาย “พัฒนาองค์ความรู้ ข้าราชการตำรวจ เพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน” ของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และข้อกำชับ พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7
โดยมีพ.ต.อ.ธัญญะ ครุฑเผือก รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรีพร้อมด้วย ผู้เข้ารับการอบรม ผกก.(สอบสวน)​ ภ.จว.เพชรบุรี, รอง ผกก.(สอบสวน)​ ภ.จว.เพชรบุรี, รอง ผกก.ป. รอง ผกก.สส. รอง ผกก.(สอบสวน) สว.อก. สภ.ในสังกัด, ฝ่ายอำนวยการ และผู้ที่เกี่ยวข้องรวมทั้งสิ้น 56 นาย ณ ประชุมแม่บุญรวมเสนาดิสัย ภ.จว.เพชรบุรี

**************************************
คอลัมน์ : สน.รอตรวจ
โดย : บิ๊กสลีป
(ทุกวันศุกร์)