‘เงือก’ นับว่าเป็นสิ่งมีชีวิตในตำนานที่มีอยู่ทั่วโลก และเป็นปริศนาคาใจคนจำนวนมากว่า มันเป็นสิ่งที่มีอยู่จริงหรือเป็นเพียงเรื่องเล่าขานและเติมแต่งตามจินตนาการของมนุษย์

ความเชื่อและรายละเอียดของเงือกในตำนานนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ โดยเฉพาะซีกโลกตะวันออกและตะวันตก สำหรับ ‘นิงเกียว’ หรือเงือกในตำนานของญี่ปุ่นนั้น ไม่ได้มีท่อนบนเป็นสาวสวยเหมือนเงือกในตำนานฝรั่ง แต่จะมีลักษณะเหมือนลิงที่มีฟันแหลมคม และมีเกล็ดสีทองปกคลุมทั่วร่าง ตามตำนานแล้ว เชื่อกันว่าการกินเนื้อเงือกจะช่วยรักษาโรคและช่วยให้อายุยืนยาวหรือเป็นอมตะ แต่ก็ต้องรับคำสาปแช่งไปด้วย

เมื่อปีที่แล้ว กลุ่มวิจัยสิ่งมีชีวิตในตำนานหรือเงือกของญี่ปุ่น ได้ประสานงานขอนำซาก ‘เงือกศักดิ์สิทธิ์’ ที่อยู่ในสภาพของมัมมี่จากวัดเอนจูอิน เมืองอาซะคุจิ จังหวัดโอคายามะ มาศึกษารายละเอียดภายในของมัน

เดิมคาดว่ามัมมี่เงือกตัวนี้อายุราว 300 ปี จากหลักฐานทางเอกสาร ลำตัวของมันมีความยาวราว 12 นิ้ว ร่างทั้งหมดบรรจุอยู่ในกล่องไม้ที่ปิดสนิท

เงือกศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้ เคยนำออกแสดงต่อสาธารณชนเพื่อให้คนมากราบไหว้บูชา แต่ก็ถูกนำกลับไปเก็บรักษาไว้เมื่อ 40 กว่าปีก่อน เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพ ในกล่องบรรจุมัมมี่เงือก มีจดหมายที่ระบุว่า เงือกตัวนี้ มีชาวประมงจับได้ราวปี 2279-2284 ก่อนจะตกมาถึงมือของตระกูลโคจิมะ และต่อมาก็มีการเปลี่ยนมือเจ้าของไปอีกหลายคน จนกระทั่งมาอยู่ในครอบครองของวัดเอนจูอิน

ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์คุระชิกิ เป็นผู้ได้รับอนุญาตจากทางวัด ให้ทำการวิจัยมัมมี่เงือกตัวนี้ ซึ่งทีมงานได้นำซากร่างดังกล่าว ไปผ่านขั้นตอนการสำรวจต่าง ๆ ตั้งแต่เอกซเรย์ไปจนถึงซีทีสแกน และวิเคราะห์ดีเอ็นเอ จนกระทั่งได้ผลการวิจัยและประกาศเผยแพร่ออกมาเมื่อวันที่ 7 ก.พ. ที่ผ่านมา

ในตอนแรก นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า ซากร่างนี้เป็นการนำร่างท่อนบนของลิงมาเย็บติดเข้ากับท่อนล่างของปลา แต่ผลวิจัยครั้งนี้ระบุว่า ท่อนบนของมัมมี่เงือก ไม่ใช่ซากของลิง 

ความจริงแล้ว มันไม่ใช่ซากของสัตว์ตัวใดตัวหนึ่งโดยเฉพาะ แต่อยู่ในลักษณะของหุ่นที่ทำจากเศษผ้า กระดาษและใยฝ้าย โดยมีหมุดโลหะเป็นตัวยึดในแนวยาว ตั้งแต่ช่วงคอจนถึงหลังท่อนล่าง จากนั้นก็ใช้สารบางอย่างที่คล้ายแป้งเหนียวข้น ทำจากทรายและถ่านหิน ทาเคลือบไว้

ภาพสแกนท่อนบนของมัมมี่เงือก
ภาพสแกนมัมมี่เงือกจากทีมวิจัย

อย่างไรก็ตาม ผิวหนังส่วนนอกของมัมมี่นั้นมาจากสัตว์จริง ๆ หลายชนิด มันมีเส้นผมที่ระบุได้เพียงว่า เป็นของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ส่วนที่เป็นเกล็ดปลาบริเวณแขน ไหล่ คอและแก้มนั้น คาดว่าน่าจะเป็นหนังของปลาปักเป้า ส่วนฟันและขากรรไกรคาดว่านำมาจากซากปลาประเภทนักล่า ขณะที่กรงเล็บนั้นทำจากวัสดุเคราติน 

สำหรับท่อนล่างที่เป็นปลานั้น ทำจากซากปลาที่มีก้านครีบในวงศ์ปลาจวด 

กล่าวคือเงือกตัวนี้ใช้ชิ้นส่วนต่าง ๆ จากสัตว์หลายประเภทประกอบกันเป็นร่าง แต่ไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่า พวกมันคือสัตว์อะไรกันบ้าง อย่างไรก็ตาม กระบวนการค้นหาอายุจากคาร์บอนกัมมันตรังสีบ่งชี้ว่า มันมีอายุหลายร้อยปี และอาจย้อนกลับไปไกลถึงช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19

ผลการวิจัยครั้งนี้บ่งชี้ว่า มัมมี่เงือกตัวนี้น่าจะถูกสร้างขึ้นเพื่อหลอกให้คนหลงเชื่อในตำนานเงือก และเชื่อว่าการกินเนื้อเงือกจะช่วยรักษาโรคได้จริง ไม่ว่าอย่างไร ผู้ที่จัดสร้างเงือกตัวนี้ ก็นับว่าทุ่มเทอย่างมากเพื่อปลอมแปลงซากร่างของสิ่งมีชีวิตในตำนานพื้นบ้านขึ้นมา

ในญี่ปุ่นยังคงมี ‘เงือก’ อีก 14 ตัว ที่ปรากฏในการรับรู้ของสาธารณชน และทีมงานก็หวังอย่างมากว่า จะมีโอกาสได้วิจัยและวิเคราะห์ซากเงือกตัวอื่น ๆ เพื่อนำมาเปรียบเทียบกัน

แหล่งข้อมูล : livescience.com

เครดิตภาพ : kusa.ac.jp