เวทีหาเสียงที่โคราช ซึ่งจะมี ส.ส. ถึง 16 คน แทนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตฯ และประธานยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จะได้โชว์วิสัยทัศน์ และ 80 นโยบายตามที่คุยโวไว้ กลับเจอ “โอษฐภัย” ของ ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ชนิดคาดไม่ถึง

ส่วนหนึ่งในคำปราศรัยที่กำลังจะกลายเป็น “บูมเมอแรง” เมื่อ ดร.สามสี ประธานที่ปรึกษาพรรครวมไทยสร้างชาติ พูดพาดพิงสถาบัน ทั้งล่อแหลม หมิ่นเหม่มากคือ คำพูดที่ว่า “หากอยากได้รัฐบาลคนดีอย่างที่ รัชกาลที่ 9 ทรงตรัสไว้..ก็ต้องเลือกพรรคไทยรักไทย” เมื่อพูดถึงช่วงนี้ ดร.ไตรรงค์ ชะงักไปนิด เหมือนจะนึกได้ หันศีรษะไปข้างหลัง ก่อนจะหลุด ว่า..ฉิบ…แล้วกู ต้องเลือกพรรครวมไทยสร้างชาตินะ พรรคไทยรักไทย ฉิบ…ไปนานแล้ว ฉิบ…มาจนถึงปัจจุบัน คนโกงชาติบ้านเมืองไม่มีเจริญหรอก

ไตรรงค์" หลุดพูดผิดให้เลือก "ไทยรักไทย" กลางเวทีปราศรัยใหญ่ รทสช.โคราช

ไม่ใช่แต่ตัว ดร.ไตรรงค์ จะตกใจเท่านั้น คนฟังคนดูก็พลอยตกตะลึงไปด้วย ดร.ไตรรงค์ เป็นนักการเมืองอาวุโส ช่ำชองการหาเสียงมายาวนาน “จะเอาดีใส่ตัว โยนชั่วคนอื่น” แบบนักการเมืองน้ำเน่าบ้าง ก็พอรับได้ แต่การเอาเรื่อง “สถาบัน” มาพัวพันกับการหาเสียงชัดเจนเช่นนี้ เหมือนการ ดึงฟ้าต่ำ ไม่รู้อะไร ควร ไม่ควร ไม่น่าเชื่อ และน่าผิดหวังยิ่ง พรรครวมไทยสร้างชาติ ประกาศอย่างหนักแน่นว่า ตัวเองจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เหนือกว่าพรรคใด ๆ ยิ่งต้องสำนึกเป็นทบเท่าทวีคูณ ไม่ใช่หรือ?!?

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า กกต. รู้จักเตือนบ้างไหม การนำสถาบันมาใช้ในการหาเสียงไม่สามารถทำได้ ผิดทั้งระเบียบการหาเสียงของ กกต. ที่ออกตาม ม.80 ของ พ.ร.ป.ส.ส. ซึ่ง กกต. ต้องออกคำสั่งตักเตือนไม่ให้ปฏิบัติอีกและสามารถตีความว่า เข้าข่ายผิด ม.73(5)ของ พ.ร.ป.ส.ส. ในประเด็นจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครและพรรคการเมืองได้อีก แต่หากเชื่อมโยงไปถึง ม.92(2) ของ พ.ร.ป.พรรคการเมือง ถือเป็นการกระทำที่อาจเป็น “ปฏิปักษ์” ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันนี้โทษถึงยุบพรรค และเลขาธิการ กกต. ต้องสรุปเรื่องใน 7 วัน ตามระเบียบยุบพรรคติดเทอร์โบฉบับใหม่ที่ กกต. ออกมา ก่อนจะลงท้าย…รู้ยัง รู้แล้ว รู้อยู่นะ

ขณะที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมพิทักษ์ รธน. ที่ไม่รู้ว่าใครสถาปนาให้มาพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ในฉับพลัน ได้ยื่นเรื่องให้ กกต. เอาผิด ทั้งตัว ดร.ไตรรงค์ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ว่าทำผิดรัฐธรรมนูญกรณีเอาสถาบันมาเกี่ยวข้องกับการหาเสียง

พล.อ.ประยุทธ์ เอง ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า ตนเองก็เครียดเหมือนกัน กลัวว่าจะหลุด จึงระมัดระวังที่สุดเวลาจะพูดเรื่องสถาบัน ดร.ไตรรงค์ ท่านพลาดพลั้งไปก็ขอโทษด้วย เพราะไม่ได้ขึ้นพูดมานาน ก็ใช่อยู่ นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง สี่เท้ายังรู้พลาด ดร.ไตรรงค์ ย่อมพลาดได้ แต่พลาดเรื่องสำคัญขนาดนี้ ควรแสดงความรับผิดชอบหรือไม่ ขณะเรื่องทาง กฎหมาย เมื่อนายศรีสุวรรณยื่นเรื่องต่อ กกต. ภายใน 7 วัน นับจากนี้ ก็รู้ดำรู้แดงว่า กกต. จะรับเผือกร้อนไว้หรือตีตกไป โดยมี นายสมชัย ตอกย้ำอีกครั้งว่า จะจับตาใกล้ชิด เพราะนี่จะเป็น “คดีแรก” ที่จะพิจารณาภายใต้ระเบียบ “ยุบพรรคติดเทอร์โบ” ของ กกต.

ก็แปลกนะ ระเบียบติดเทอร์โบ เคยลือกันว่า เอาไว้จัดการกับ 3 พรรค คือพรรคพลังประชารัฐเรื่องเงินบริจาคทุนสีเทา พรรคเพื่อไทยเรื่องการครอบงำพรรค และพรรคก้าวไกลเรื่องภัยความมั่นคง เพื่อเตะตัดขาทางการเมือง แต่รัฐธรรมนูญอัปลักษณ์ที่ร่างเพื่อตัวเอง มี ส.ว.ลากตั้ง 250 คน ที่พร้อมยกมือให้อยู่ต่อ ที่สุดก็กลายเป็น “กงกำกงเกวียน” ย้อนมาเล่นงานพรรค รทสช. เสียเองแล้ว 

พล.อ.ประยุทธ์ นั้นเคยพูดหลังปฏิวัติอย่าง “อหังการ” ว่า การบริหารประเทศง่ายนิดเดียว 9 ปีผ่านไป คงรู้แล้ว ง่ายแค่ไหน เมื่อช่วงเวลาที่เสวยอำนาจกลับกลายเป็น “ทศวรรษแห่งการสูญเปล่า” แทบทุกด้านของประเทศชาติ และคงรู้แล้วเช่นกันว่า การเล่นการเมืองในระบอบประชาธิปไตยที่เคยดูหมิ่นเหยียดหยามไม่ให้ราคาแม้แต่น้อยนั้น ที่จริง มีขวากหนามมากมายขนาดไหน

นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ เคยพลาดเพราะ “โอษฐภัย” ติดคุกติดตะรางมาแล้ว หลายพรรคถูกยุบชนิดไม่มีโอกาสต่อสู้ ต้องเผชิญกับความอยุติธรรมอย่างสาหัส ถูกเอารัดเอาเปรียบ ถูกดำเนินคดี หากไม่ยอมสยบเป็นนั่งร้านให้ ทั้งไม่มีปาฏิหาริย์กฎหมายคุ้มตัว รอดทุกคดีแบบ 3 ป. อีกด้วย

ก็มาคอยดูกันว่า “โอษฐภัย” ของ ดร.สามสี จะพาพรรครวมไทยสร้างชาติ ไปสู่จุดจบชนิดไหน.

——————
ดาวประกายพรึก