ฟอร์มตกไปเยอะจริง ๆ หลังจาก “นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” จอมแฉคนดัง ออกมาเล่นบทตรวจสอบ “โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม” ทั้ง ๆ ที่ข้อมูลไม่หนักแน่น หลักฐานไม่ชัดเจน แตกต่างจากช่วงออกมาเปิดโปงผู้รักษากฎหมายที่พัวพันกับธุรกิจผิดกฎหมาย หรือคนจีนบางกลุ่ม ที่เข้ามาทำสิ่งไม่ถูกต้องในบ้านเรา

ยิ่งวันที่เดิน ไปโชว์อีเวนต์ ที่กระทรวงคมนาคม เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีแต่สีสันหาข้อมูล ที่เป็นหลักฐานอ้างอิงไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ก็รู้ดี โครงการระบบขนส่งมวลชนช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ยังไม่ได้เปิดประมูล

โดยเฉพาะกรณี รฟม. ได้ปรับปรุงเอกสาร สำหรับการคัดเลือกเอกชน (RFP) เฉพาะวิธีการประเมินข้อเสนอ ไม่ได้เปลี่ยนแปลง การเสนอผลตอบแทน ให้แก่ภาครัฐตามที่นายชูวิทย์ กล่าวอ้างแต่อย่างใด

ประเด็นนี้มีคดีฟ้องร้องในศาลปกครอง โดยมีความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 65 ศาลปกครองสูงสุด ได้นั่งพิจารณาคดีครั้งแรก โดยตุลาการผู้แถลงคดีมีความเห็นว่า คณะกรรมการคัดเลือก ตามมาตรา 36 แห่ง พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์–มีนบุรี (สุวินทวงศ์)

คณะกรรมการคัดเลือกฯ และ รฟม. ดำเนินการแก้ไขเอกสาร RFP เพิ่มเติมครั้งที่ 1 โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว และไม่ทำให้ผู้ยื่นข้อเสนอได้รับความเสียหาย และไม่เอื้อประโยชน์ ให้กับผู้ใด ปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างรอศาลปกครองสูงสุดพิพากษา

ครับ…หลายฝ่ายต่างลุ้นอยากให้ ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาออกมาเร็ว ๆ โครงการจะได้เดินหน้า ปัญหาที่บางฝ่ายตั้งข้อสงสัย จะได้เกิดความชัดเจน ซึ่งคำวินิจฉัยของศาล เป็นเรื่อง ที่ทุกฝ่ายต้องเคารพ ซึ่งก่อนหน้านี้นักแฉคนดัง ก็ออกมาพูดจาพาดพิงศาลปกครอง

น่าเสียดาย วันที่เดินทางไปที่หน่วยงานภาครัฐ “นายชูวิทย์” ไม่ได้ให้ข้อมูล หรือนำส่งเอกสารหลักฐานตามที่กล่าวอ้างว่ามีการทุจริต กับผู้แทนของ รมว.คมนาคม ทำเพียงฉีดสเปรย์ภายในกระทรวงคมนาคม และล้างหน้า แปรงฟัน บ้วนปาก และแถลงข่าวกับสื่อมวลชน อ้างต้องการพูดคุยกับ “รมว.คมนาคม” ด้วยตัวเองเท่านั้น

ขณะที่ “นางสุขสมรวย วันทนียกุล” เลขานุการ รมว.คมนาคม บอกว่า นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ได้มอบหมาย ให้อยู่ต้อนรับนายชูวิทย์ เนื่องจากติดภารกิจลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์และบุรีรัมย์ ซึ่งกำหนดการนี้ได้กำหนดล่วงหน้าไว้แล้ว โดยวันนี้ตั้งใจมารับหนังสือจากนายชูวิทย์

แต่พอมารับหลักฐาน กลับบอกจะไปยื่นหนังสือให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในครั้งนี้ หากนายชูวิทย์มีหลักฐานที่อ้างว่า มีข้อมูลเรื่องการ โอนเงินทอน 3 หมื่นล้านบาท ที่ประเทศสิงคโปร์ หรือมีหลักฐานตามที่นายชูวิทย์เคยให้ข้อมูลต่อสื่อไป ก็พร้อมที่จะรับ และจะเปิดเผยต่อหน้าสื่อมวลชนทั้งหมด แต่ในเมื่อนายชูวิทย์ไม่มีหลักฐานมา หรือมีแต่ไม่ยื่นก็ให้เวลานายชูวิทย์

เชื่อว่าคนที่ไหว้วานให้ “นายชูวิทย์” ออกมาเคลื่อนไหวเรื่องนี้ คงเห็นกระแสตอบรับนักแฉคนดัง สังคมให้การยอมรับ เลยอาจมีข้อตกลง เงื่อนไขบางอย่าง หลังก่อนหน้านักการเมืองบางพรรค ใช้เวทีในสภา ออกมา โจมตีโครงการรถไฟฟ้าสีส้ม ซึ่งข้อมูลก็ไม่ได้แตกต่างจากนายชูวิทย์ และดูเหมือนคนที่ติดตามเรื่องนี้ คงรู้ว่ามีเบื้องหน้าเบื้องหลัง เลยไม่ให้ราคา มองว่าไม่มีน้ำหนัก

โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) มีแนวเส้นทางเชื่อมระหว่าง กทม. ทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ระยะทาง 35.9 กิโลเมตร แบ่งเป็นส่วนตะวันออก (ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี (สุวินทวงศ์)) ระยะทาง 22.5 กิโลเมตร จำนวน 17 สถานี (สถานีใต้ดิน 10 สถานี และสถานียกระดับ 7 สถานี) และส่วนตะวันตก (ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย) ระยะทาง 13.4 กิโลเมตร จำนวน 11 สถานี (สถานีใต้ดินตลอดสาย)

ในส่วนเส้นทางสายตะวันตก ต้องผ่านสถานที่สำคัญ ซึ่งต้องใช้วิธีขุดอุโมงค์ จำเป็นต้องอาศัย บริษัทที่มีความเชี่ยวชาญ และ มีประสบการณ์ เคยโชว์ผลงานให้สาธารณชนเห็นแล้ว เพราะการก่อสร้างต้องคำนึงถึงความปลอดภัย สงสัย นายชูวิทย์จะเสียมวย กับการออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้ แถมยังถูกตั้งข้อสงสัยอีกว่า “รับงานใครมา”

———————–
เขื่อนขันธ์