ลองสำรวจความพร้อมในการสู้ศึกครั้งสำคัญ ต้องยอมรับ “ภูมิใจไทย (ภท.)” ภายใต้การนำของ “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ที่รับบท หัวหน้าพรรค และมี “นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รมว.คมนาคม ทำหน้าที่เป็น เลขาธิการพรรค ต้องถือว่าติดอยู่ในอันดับต้น ๆ
ทั้งความพร้อมทั้งเรื่อง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง และ นโยบายที่จะใช้นำไปหาเสียง เมื่อเทียบกับบรรดาเพื่อนร่วมงานที่อยู่ในขั้วเดียวกัน ซึ่งทำหน้าที่ฝ่ายบริหาร รวมถึงซีกฝ่ายค้าน ซึ่งต่างตั้งความหวัง ให้ได้ ส.ส.มากที่สุด เพื่อหวังเข้าไปทำหน้าที่ฝ่ายบริหาร และเพิ่มอำนาจต่อรอง
หลายคนคงจำภาพที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 65 ในระหว่าง การประชุมใหญ่ของพรรค ภท. ครั้งนั้นมีการเปิดรับสมาชิกใหม่ โดยมี ส.ส.ที่ยอมลาออกจากพรรคต้นสังกัดเดิมจำนวน 34 คน เข้าสังกัดพรรคสัญลักษณ์สีน้ำเงิน ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยเกิดปรากฏการณ์อย่างนี้มาก่อน ทำให้สร้างความเชื่อมั่นให้กองเชียร์พรรคการเมืองนี้มากพอสมควร หากย้อนไปดูภายหลังการเลือกตั้งเมื่อปี 62 พรรค ภท. นำ ส.ส.เข้าสภาได้ 51 คน ซึ่งอยู่ในลำดับห้า
ขณะที่ พรรคเพื่อไทย (พท.) มี ส.ส. 136 คน พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) 116 คน พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) 81 คน และพรรคประชาธิปัตย์ ( ปชป.) ได้ ส.ส. 53 คน ส่วน คะแนนมหาชน (ป๊อบปูลาร์โหวต) ภท. ได้รับอยู่ที่ 3.7 ล้านเสียง ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญ (รธน.) สั่งยุบพรรค อนค. และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 63 ทำให้ ส.ส. พรรค อนค. 9 คน เป็น ส.ส. เขต 7 คน และ ส.ส. บัญชีรายชื่อ 2 คน ตัดสินใจ เข้าร่วมงานกับพรรคสีน้ำเงิน ทำให้จำนวน ส.ส.ของพรรค ภท. เพิ่มขึ้น เป็น 61 คน หลังก่อนหน้านั้น “น.ส.ศรีนวล บุญลือ” ส.ส.เชียงใหม่ อดีต ส.ส. พรรค อนค. เข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรค ภท. ไปก่อนหน้าแล้วนั้น ซึ่งบวกรวมกับอดีต ส.ส. 34 คน เข้ามาร่วมงานด้วย นั่นหมายความว่า ในการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นจะมีอดีต ส.ส. เกือบ 100 ชีวิต ลงสู้ศึกในสังกัดพรรค ภท.
จุดเด่นของพรรค ภท. ซึ่งส่งผลให้อดีต ส.ส.ตัดสินใจเข้าร่วมงานด้วย คงสืบเนื่องจากพรรคการเมืองนี้ มีแนวทางไม่สร้างความขัดแย้ง ส.ส.ในพรรคมีเอกภาพในการทำงาน ไม่แบ่งเป็นกลุ่ม ไม่แบ่งเป็นก๊ก นโยบายที่ประกาศไว้ ก็เดินหน้าผลักดันจนประสบความประสำเร็จ จนกลายเป็นวลีติดปาก “พูดแล้วทำ” ขณะที่ภาพลักษณ์ของหัวหน้าพรรค เวลาสื่อสารกับสังคม ก็พูดจา ได้ชัดเจน ฉะฉาน แหลมคม นอกจากนี้ ยังได้รับยกย่องในการบริหาร จัดการกับปัญหาโควิด-19 จนติดลำดับต้น ๆ ของโลก
สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เคยเสนอผลสำรวจ เรื่อง เปิดใจคนไทย อนาคตการเมือง กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ เมื่อถามถึง แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ที่ประชาชน เชื่อมั่นช่วยแก้ปัญหาปากท้อง รายได้ และปัญหาหนี้สินของประชาชนได้ พบว่า เกินครึ่ง หรือร้อยละ 50.7 เชื่อมั่น นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท. รองลงมาคือร้อยละ 47.2 เชื่อมั่น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พรรค พท. ร้อยละ 46.4 เชื่อมั่น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ปชป. ร้อยละ 19.8 เชื่อมั่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และร้อยละ 17.6 เชื่อมั่น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ตามลำดับ
และเมื่อถามถึงผู้นำพรรคการเมือง ที่มีโอกาสเป็นรัฐบาลและทำได้จริงตามที่พูด พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 47.8 ระบุ นายอนุทิน เป็นผู้นำพรรคการเมือง ที่มีโอกาสเป็นรัฐบาล และทำได้จริงตามที่พูดรองลงมาคือร้อยละ 44.9 ระบุ นางสาวแพทองธาร ร้อยละ 44.4
ระบุ นายจุรินทร์ ในขณะที่ร้อยละ 17.2 ระบุ พล.อ.ประยุทธ์ และร้อยละ 14.5 ระบุเป็นนายพิธา ตามลำดับ
จึงไม่ใช่เรื่องแปลก เมื่อพรรค ภท. ถือเป็นพรรคการเมืองที่ 2 เปิดชื่อ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี โดย กก.บห.มีมติ เสนอชื่อ “นายอนุทิน” แต่เพียงคนเดียว ซึ่งได้รับการยืนยันจากนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย โดยเชื่อมั่นในตัวหัวหน้าพรรค อย่างนายอนุทิน ผลงานต่าง ๆ โดยเฉพาะ การแก้ปัญหาสถานการณ์โควิด เป็นนักบริหารแก้ไขสถานการณ์ มีความรู้ความสามารถ ประสบความสำเร็จ จากการบริหารองค์กรใหญ่ ๆ ระดับประเทศ ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญของคนจะเป็นนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ยังเป็นที่ ยอมรับของนานาชาติ เนื่องจากเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยได้มาเยี่ยมคารวะที่ทำการพรรค ภท. สะท้อนให้เห็นถึงจุดยืนของพรรค ภท. ที่มีความชัดเจน แกนนำพรรคมีความมุ่งมั่นต้องการผลักดันหัวหน้าพรรค ให้ก้าวเข้าไปเป็นผู้นำประเทศ ประชาชนจะได้ไม่สับสน รับรู้แนวทางและสิ่งที่จะเกิดขึ้น หากไว้วางใจเลือกตัวแทนพรรคการเมืองนี้ หวังให้เข้าไปทำหน้าที่ฝ่ายบริหาร
ขณะที่เมื่อวันที่ 11 ก.พ. ที่ลานปั๊มเชลล์ (ปฐมวิวัฒน์) เลขที่ 99 หมู่ 1 ต.วัดละมุด อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม นายอนุทินได้เปิดเวทีปราศรัย และเปิดตัว นายปฐมพงศ์ สูญจันทร์ อดีต ส.ส. นครปฐม พรรค พปชร. ลงรับเลือกตั้ง ส.ส.นครปฐม เขต 5 พรรค ภท. โดยเปิดบ้านพักเป็นเวทีปราศรัย มีประชาชนมาร่วมกว่าพันคน
หัวหน้าพรรค ภท. กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า เลือกตั้งรอบหน้า ตนขอ 120 เก้าอี้ จะได้มีลุ้นให้หัวหน้าพรรค ภท. มีลุ้น ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนได้รับเลือกให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ หนึ่งเดียวของพรรค ภท. และจะได้เป็นลูกน้องของชาวนครปฐม “ตอนนี้มีการใส่ร้ายพรรคภท. ว่า ถ้าเลือกแล้ว เขาจะยกตำแหน่งนายกฯ ให้พรรคอื่นนั้น เพราะว่าเขาสู้นโยบายของเราไม่ได้จึงต้องใช้วิธีสกปรก ซึ่งผมขอยืนยันว่าเมื่อเลือกพรรค ภท.เยอะ ๆ ผมจะเป็นนายกรัฐมนตรีเองแน่นอน” นายอนุทิน กล่าว
ถือเป็นการแสดงจุดยืนให้ชัดเจน โดยเฉพาะการ ตั้งเป้าหมายจำนวน ส.ส. ไว้ 120 ที่นั่ง ซึ่งถ้าดูจากจำนวนอดีต ส.ส.ที่ย้ายเข้ามาร่วมงานการเมืองด้วย รวมกับ ส.ส.เดิมที่อยู่ในพรรค อีกทั้งยังมีบ้านใหญ่ที่พร้อมจะกวาด ส.ส.ยกจังหวัด ต้องบอกว่าเป้าหมาย ไม่เกินเลยไปจริง ๆ อีกทั้งกระแสความนิยมของ “นายอนุทิน” เมื่อเทียบผู้นำพรรคต่าง ๆ เรียกว่าไม่เป็นสองรองใคร ถ้ามีการจัดเวทีดีเบตระหว่างพรรคการเมืองต่าง ๆ หัวหน้าพรรค ภท. น่าจะโชว์ศักยภาพ ได้โดดเด่นมากเลยทีเดียว
แม้กระทั่งพื้นที่เมืองหลวง ซึ่งพรรค ภท. ไม่เคยมี ส.ส.มาก่อน การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น พรรคสีน้ำเงินก็ได้ “นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” อดีตแกนนำพรรค พปชร. มาทำหน้าที่ หัวหน้าทีมกรุงเทพมหานคร (กทม.) รวมทั้งยังได้ทั้งอดีต ส.ส.กทม. พรรค พปชร. มาลงสมัครนาม ภท. จึงมีโอกาสไม่น้อยที่พรรคสีน้ำเงิน สามารถปักธง ในพื้นที่ กทม.ลงได้เป็นครั้งแรก ซึ่งในทางการเมืองถือว่ามีความหมาย
โดยหัวหน้าทีม กทม. ได้เสนอนโยบายเกี่ยวกับ 24 ชม. 7 วัน โดยยึดหลักการ “เพิ่มรายได้-ลดรายจ่าย-ให้โอกาส” ผลักดัน “One day Pass Ticket” สำหรับการโดยสาร บริการขนส่งสาธารณะ ทั้งรถไฟฟ้า รถเมล์ รถไฟ และเรือ ในอัตราไม่เกิน 40 บาทต่อวัน เพื่อลดภาระ ส่วนนโยบายที่เกี่ยวกับระบบการดูแลสาธารณสุข โรคมะเร็งต้องรักษาฟรี
ขณะที่พรรค ภท. ได้ออกนโยบายล่าสุดสำหรับผู้สูงวัยที่ มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ จะได้รับสิทธิเป็น สมาชิกกองทุนประกันชีวิต และมีกรมธรรม์ประกันชีวิตทันที โดยไม่ต้องสมัคร และไม่ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิต
ส่วนนโยบายประกาศไปก่อนหน้านี้ประกอบด้วย พักหนี้ 3 ปี หยุดต้น ปลอดดอกเบี้ย คนละไม่เกิน 1 ล้านบาท นโยบาย “เกษตรร่ำรวย” ด้วย Contract Farming รู้ราคาก่อนปลูก รับเงินก่อนขาย เสียหายมีประกัน ส่วนนโยบายสาธารณสุข เครื่องฉายรังสีรักษามะเร็ง ฟรีทุกจังหวัด ศูนย์ฟอกไตฟรีทุกอำเภอ ด้านนโยบายพลังงานสะอาด ลดรายจ่ายประชาชนฟรีหลังคาโซลาร์เซลล์ ลดค่าไฟฟ้าหลังคาเรือนละ 450 บาท มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าผ่อนเดือนละ 100 บาท 60 งวด
ดูทั้งความพร้อมของผู้สมัครที่จะลงสู้ศึกในนาม “พรรค ภท.” และการประกาศนโยบาลที่ครอบคลุมทุกด้าน ต้องบอกว่า เป้าหมาย 120 ที่นั่ง ไม่น่าจะยากเกินไขว่คว้า บวกรวมกับภาพลักษณ์ของ “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” แม่ทัพใหญ่ค่ายสีน้ำเงิน ที่ไม่เป็นสองรองใคร ทั้งผลงาน ในฐานะฝ่ายบริหาร และ การรับแรงปะทะทางการเมือง.