ทำเอานักร้องหนุ่ม วิด ไฮเปอร์ ที่ล่าสุดทนไม่ไหวถึงกับหลั่งน้ำตาลูกผู้ชายตัดพ้อลงโซเชียลว่าตอนนี้ตนเองนั้นมีหนี้ท่วม อ่วมไม่มีเงินกินข้าวแล้ว จนกลายเป็นประเด็นดราม่าเพราะคนมองว่าฟุ่มเฟือยหรือหิวแสงกันแน่ ซึ่งเจ้าตัวก็ได้มาเคลียร์ทุกประเด็นผ่านรายการคุยแซ่บshow แล้ว

วิด เผยว่า “ที่โพสต์ข้อความไปจริงๆ แล้วโควิดแหละ มันทำให้ทุกคนเป็นอย่างนี้ เพื่อนๆ ศิลปินบางคนยิ่งกว่าพี่ก็มี พี่แค่ตัดพ้อเฉยๆ ว่ามันเป็นอย่างนี้ จริงๆ ก็สุดทนแล้วเหมือนกัน เงินเก็บก็หมด อะไรก็หมด เราไม่เคยยืมเงินใคร ตอนแรกๆ เรื่องเงินไม่ขัดสนเลย แต่ตอนนี้มันขัดสน พอเราจะยืมใคร มันก็ไม่มีให้ยืม อีกอย่างคือคนที่ให้ยืมได้เขาก็ไม่ได้ดีกว่าเราเท่าไหร่ แต่บังเอิญว่าเขาให้ยืมมาแล้วพี่รู้สึกอึดอัดตรงที่ว่าเวลาไปคืนเขาไม่ตรง เราก็รู้สึกอึดอัด เวลาคืนเรายืมคนนี้ มาคืนคนนี้ คือเราหาไม่ทัน เพราะพี่พยายามสุดแล้ว จากที่ตัวเองมีเงินอยู่ก็หมดไป ช่วงนี้ไม่มีเงิน รายได้ไม่เข้า หาหนทางไปทำอย่างอื่น แต่มันก็ไม่ใช่งานที่เราถนัด มันออกไปเท่ากับมันไม่ได้ประโยชน์เท่าไหร่เลย มีแต่ติดลบด้วย สถานการณ์ของผมนั้นมันสาหัสมาก ค่ารถ ค่าบ้านก็ทวงหมด เพราะเรามีผ่อนผันไปแล้ว เราคิดว่าโควิดมันน่าจะมา 3-4 เดือนหมด แต่มันยาว แล้วมีดอกเบี้ยอีก ก็เลยบอกว่าหันไปทางไหนมันก็ลบไปหมด เพราะฉะนั้น คนไม่เป็นแบบนี้หรือเพื่อนๆ คนไหนไม่เป็นแบบนี้ไม่รู้ นอกจากตัวเราเอง เพราะฉะนั้นผมไม่ได้งอแงที่มาบ่นว่าไม่มีเงิน จะให้คนอื่นมาช่วย โอนมาให้ มาช่วยดูแล มันไม่ใช่ ผมแค่ตัดพ้อตัวผมเองว่าตอนนี้มันเป็นอย่างนี้ ถ้าสมมุติว่ามันยังไม่หมดโควิด ผมคงแย่ก่อนที่จะหมดโควิดแน่ๆ”

“ที่ผมโพสต์นั้นเพราะมันไม่ไหว แล้วรอบข้างก็เป็นหมด ทั้งเพื่อนอะไรด้วย เราเลยโพสต์ว่าไม่ไหวจริงๆ อีกอย่างนึงคือเราลงโพสต์ไปอย่างนั้นแล้วไม่คิดจะออกรายการอะไรอยู่แล้ว ใครมาสัมภาษณ์ พี่ออกรายการไหม คิดอยู่ในใจว่าไม่ออกหรอก พี่แค่ตัดพ้อตัวเอง เดี๋ยวคนอื่นมองว่าพี่อยากโปรโมตตัวเองหรือเปล่า มีคนออกมามันมีทั้งบวก ลบ แต่พอคิดไปคิดมา เพื่อนบอก แล้วพี่น้องบอกก็ลองดูแล้วกัน ให้เขารู้ว่าเราเป็นอย่างนี้จริง กล้าพูดไปเลย แล้วพี่เป็นคนที่พูดอะไรตรงๆ เอาก็เอา แล้วเป็นกระบอกเสียงให้หลายๆ คนที่เป็นอยู่ด้วย อย่าคิดว่าเรา เห้ย…คุณมาฉายแสงหรือเปล่า ผมเคยออกสื่อแล้วมีอะไรอย่างนี้หรือเปล่า ไม่เคย ผมมีกระแสตอบนับเพลงดังหลายเพลงก็จริง แต่ผมไม่ค่อยได้ออกสื่อมากมาย ทำงานตัวเอง ทำนู่น ทำนี่ ทำสังคม เล่นกีฬา ช่วยเหลือคนอื่นเยอะแยะมากมาย แล้วไม่คิดจะหวังผลตอบแทนกลับมา ถ้าอย่างนี้คนมองว่าผมฉายแสง ผมบอกเลยผมไม่เคยแม้แต่คิด ผมทำจริง”

“ยอมรับนะว่าการยืมเงินคนอื่นมันอาย ที่ออกรายการ จากคนมองเราจุดนี้ ถ้าเรามาพูดหรือสัมภาษณ์อะไรออกไป มองต่ำเลยนะ เพราะเราไม่รู้หนอกในความคิดเขาบวกหรือลบ คิดกับเรา ค่าใช้จ่ายผมแต่ละเดือนนั้นมีทั้งค่ารถ ค่าบ้าน รวมแล้ว ห้าหมื่นกว่าบาท แล้วค่าใช้จ่าย ค่าโทรศัพท์ ดูแลน้องหมา ให้แม่ ทุกอย่างมันรวมๆ แล้วเป็นแสน เดือนที่แล้วเงินเข้ามาเหรอ ไม่มีเลย น้อยมาก ไม่กี่หมื่น ให้เช่าพระไป แล้วพอมันเริ่มหยุด มันก็มีลบขึ้นเรื่อยๆ ค่าบ้าน ค่ารถก็โทรฯ มา มันก็กลายเป็นว่าทุกอย่างรอบด้าน เราเลยมองว่าไม่ไหวแล้ว เราไม่เคยเป็นแบบนี้ แล้วเรามองว่าตัวเรามันมีอีโก้ในตัวนะ แต่พอเป็นแบบนี้ต้องบอกคนตรงๆ ว่ามันไม่ได้จริงๆ แล้วคนอื่นที่อยู่รอบข้างเราก็เข้าใจเราเหมือนกันว่าเราให้สู้ๆ เราก็สู้อยู่ สู้แบบที่ไม่เคยเอ่ยปากยืมเงินใคร เพราะรู้สึกเกรงใจคน เพราะเราไม่เคยไปยืมขนาดนั้น ถ้าไม่สุดทนจริงๆ บางทีคนอื่นมายืมพี่ พี่ไม่มีไปยืมคนอื่นมาให้ คือยืมมาให้เพราะสงสารเขาตรงที่เขาไม่มี แต่เราลุยไปก่อน”

วิด เล่าต่ออีกว่า “แต่เรื่องโดนโกงค่าตัว อึดอัด คนคิดว่าพี่มีเงินเก็บเยอะแยะ จริงๆ แล้วพี่เริ่มมาจากศูนย์นะ พี่ไม่มีอะไร บ้านพี่เล่าตั้งแต่เล็กๆ จนพี่ออกเพลง พี่ยังเช่าบ้านอยู่เลย แล้วพี่เริ่มซื้อบ้าน ดาวน์บ้านด้วยการมาตัวเปล่า ซื้อทีวี ซื้ออะไรเข้าบ้านหมดเลย แม่ก็อยู่กับน้อง เราก็พยายามทำแล้วจะได้มาอยู่ด้วยกันได้ คือเริ่มมาจากตรงนั้น พี่ไม่ได้มาจาก 10 พอมาจาก 0 มันก็เริ่มต้นมา พอรายได้เข้ามามันก็ไม่ได้เยอะแยะมากมาย เป็นวงก็ต้องหารเท่ากันทุกอย่าง เลยบอกว่ามันไม่ไหว ทุกอย่างคือมันรอบด้านไปหมดเลย”

“อย่างเรื่องโดนโกงก่อนที่จะเคานท์ดาวน์ปีที่แล้ว ก็มีงานเลี้ยงตั้งแต่ 20 ขึ้นมาจนถึง 31 แต่พอโดนโควิดแรงมันงดหมดเลย แล้วที่เหลือที่บางงานที่เล่นแล้วมันไม่ได้เงิน พอเล่นเสร็จ เขาจะให้เงิน โอนเงิน คือไม่โอน เขาบอกติดไว้ก่อนพี่ ผมโดนโควิดเหมือนกัน ลองคิดดู โดน 3 งานพี่ก็โดนไปแสนกว่าแล้ว แสนกว่าไม่เท่าไหร่ จ่ายลูกวงก่อน ถ้าเล่นเป็นวง จ่ายลูกวง จ่ายค่ารถตู้ก่อน เราโดนคนเดียว ทวงเขา เขาก็ไม่มี เราก็ไม่รู้จะพูดยังไง บางคนคนกันเองที่รู้จักกันก็มี บางคนไม่รู้จักหน้าใหม่มาซื้องานเราก็ต้องให้เครดิตเขทหน่อย พอเราไปบ่นมากก็จะรู้สึกไม่ดี แต่เขาไม่มองหรอกว่าบางครั้งเราก็ไม่มีเหมือนกัน พอไม่มีแล้วหาไม่ได้ มันกลายเป็นติดลบ จริงๆ ตอนนี้เราก็ยังอยู่ค่ายอยู่ ค่ายสามารถให้เรียกได้ แต่จริงๆ คือทำไม่ได้อยู่ดี เพราะเราเป็นคนคุย แล้วอีกอย่างงานแบบนี้พี่รับเองอยู่แล้ว พอได้เงินมาเราก็จ่ายหักเปอร์เซ็นต์เขาไป แต่พอไม่ได้เงินตรงนั้นเราก็ต้องตามด้วยตัวเอง ก็เลยบอกว่ามันก็ลำบาก”