เมื่อวันที่ 13 ก.พ. น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงกรณีนักเรียนชั้น ม.1 ถูกรุ่นพี่ชั้น ม.3 บังคับสูบกัญชาในห้องน้ำโรงเรียน จนทำให้รุ่นน้อง ม.1 หัวใจหยุดเต้น เหตุเกิดที่โรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งหนึ่งใน จ.ลพบุรี ว่า เรื่องนี้ตนได้มีการตั้งคณะกรรมบการสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว เพราะเป็นเรื่องสำคัญและมีการก่อเหตุในสถานศึกษา ซึ่งตนมีนโยบายมาตลอดว่าสถานศึกษาจะต้องปลอดภัยทุกมิติ แต่เรื่องนี้จะต้องมีการสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้นว่าสาเหตุใดถึงมีการนำกัญชาเข้ามาในโรงเรียนได้ ครูได้สอดส่องดูแลพฤติกรรมเด็กอย่างเข้มงวดหรือไม่ ซึ่งหากตรวจสอบพบว่าละเลยการดูแลนักเรียนก็จะต้องมีบทลงโทษตามวินัยราชการต่อไป เพราะการนำกัญชาเข้ามาในโรงเรียนจะมีโทษเช่นเดียวกับยาเสพติด อีกทั้งที่ผ่านมากระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ก็ได้สร้างความรับรู้ถึงโทษภัยยาเสพติดทุกชนิดมาโดยตลอด แต่ก็ต้อมยอมรับว่า การเข้าถึงสื่อออนไลน์ของเด็กและเยาวชนทั้งสื่อที่เหมาะสมและไม่เหมาะสม มีจำนวนเยอะมาก และตนก็ได้รับเรื่องร้องเรียนถึงการใช้บุหรี่ไฟฟ้าของเด็กเข้ามาเยอะมากเช่นกัน

“สำหรับนักเรียนชั้น ม.1 ที่ถูกรุ่นพี่ ม.3 บังคับให้สูบกัญญาชั้น ได้รับทราบว่าโรงเรียนได้ให้น้อง ม.1 เรียนออนไลน์แทนการไปนั่งเรียนในห้องเรียนที่โรงเรียน รวมถึงน้อง ม.1 แจ้งความประสงค์ขอย้ายไปเรียนโรงเรียนอื่นด้วย ซึ่ง ศธ. เตรียมดำเนินการให้น้อง ม.1 ได้ย้ายโรงเรียนตามที่แจ้งคำขอไว้ เพื่อให้เกิดความสบายใจกับทุกฝ่าย ส่วนรุ่นพี่ ม.3 ได้ถูกลงโทษตามกฎระเบียบของโรงเรียนแล้ว” น.ส.ตรีนุช กล่าว

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ตนได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ทำมาตรการกลางขึ้น เพื่อออกเป็นระเบียบแนวปฏิบัติให้สถานศึกษาในสังกัด ได้รับทราบถึงมาตรการเรื่องยาเสพติดและความปลอดภัยในสถานศึกษาที่ถูกต้อง เนื่องจากการตระหนักรู้ถึงผลเสียต่างๆ ของสิ่งเสพติด อาจไม่เพียงพอแล้ว ดังนั้น ศธ. จะต้องร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ในการระดมมาตรการสกัดปัญหาเด็กและเยาวชน ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม