สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ว่า บริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน หนึ่งในผู้ผลิตด้านชีวเภสัชภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐ เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับการติดตามผลหลังการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัท ซึ่งพัฒนาให้ใช้งานเพียงเข็มเดียว ว่าระดับภูมิคุ้มกันหรือแอนติบอดีในร่างกายของผู้รับวัคซีน “ยังอยู่ในระดับแข็งแกร่งและคงที่” แม้เวลาผ่านไปแล้ว 8 เดือน หมายความว่า วัคซีนมีประสิทธิภาพเพียงพอ ในการป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาทุกสายพันธุ์ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่บนโลก รวมถึงเชื้อ “เดลตา”


ขณะเดียวกัน รายงานดังกล่าวของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ยังยืนยันประสิทธิภาพของวัคซีน ว่าสูงยิ่งขึ้นไปอีก ในการลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ “เบตา” ที่พบครั้งแรกในแอฟริกาใต้ด้วย และในภาพรวมถือว่า วัคซีนสามารถป้องกันอาการป่วยหนักจนถึงขั้นต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล และลดการเสียชีวิตได้ 85%


ทั้งนี้ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ ( ซีดีซี ) เผยแพร่ฉากทัศน์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศ ว่าเชื้อเดลตากำลังจะกลายเป็นสายพันธุ์หลักของสหรัฐ “ภายในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า” และยังคงแนะนำการใช้วัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ซึ่งพัฒนาด้วยเทคโนโลยีไวรัล เวกเตอร์ ให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในเวลานี้ นอกเหนือจากวัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค และโมเดอร์นา ซึ่งเป็นวัคซีนแบบเอ็มอาร์เอ็นเอ อย่างไรก็ตาม วัคซีนทั้งสามยี่ห้อต้องฉีด 2 โด๊ส ภายในระยะเวลาห่างกันประมาณ 3 สัปดาห์.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES