เมื่อวันที่ 24 ส.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 26 ส.ค. เวลา 14.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นัดประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.ครั้งที่ 9/2564 ผ่านระบบวิดีโอทางไกล จากทำเนียบรัฐบาลมายังห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สํานักงานตํารวจแห่งชาติ โดยมีวาระที่น่าสนใจ อาทิ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา ขอสำเนารายงานการประชุม ก.ตร., การเลื่อนเงินเดือนหรือให้ได้รับเงินตอบแทนพิเศษประจำปี 2564 ครั้งที่ 1 ครึ่งปีแรก (1 เม.ย.64) แก่ข้าราชการตำรวจผู้ดำรงตำแหน่ง ผบก. หรือเทียบเท่าขึ้นไป, การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ และเรื่องอื่นๆ ถ้ามี

พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์

โดยมีรายงานว่า สำหรับการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายประจำปีตามกรอบเวลาต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 31 ส.ค.64 ซึ่งคาดว่าที่ประชุมน่าจะมีการประชุมกัน 2 ครั้ง เพื่อพิจารณาระดับ “นายพลใหญ่” รองผบ.ตร.-ผบช. และอีกครั้งน่าจะแต่งตั้งระดับ “นายพลเล็ก” รอง ผบช.- ผบก. โดยมีทั้งในส่วนที่ทดแทนกลุ่มเกษียณอายุราชการและหมุนเวียนในระนาบเดียวกันด้วย สำหรับในปีงบประมาณ 65 มีเก้าอี้ว่า ดังนี้ ระดับ รอง ผบ.ตร. 2 ตำแหน่ง, ผู้ช่วย ผบ.ตร. 9 ตำแหน่ง, ผบช. 20 ตำแหน่ง, รอง ผบช. 42 ตำแหน่ง, และ ผบก. 84 ตำแหน่ง รวม 157 ตำแหน่ง แต่คาดมีการแต่งตั้งทดแทนและหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 300 ตำแหน่งด้วยกัน

พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน 

สำหรับเก้าอี้สำคัญ คือ รอง ผบ.ตร. คาดว่าจะมีการเสนอรายชื่อพล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ (นรต.40) ผู้ช่วย ผบ.ตร. และรรก.ผบช.ภ.2 คนสนิท “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ “บิ๊กป๋อ” พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้ช่วย ผบ.ตร. ลูกชาย พล.ต.อ.เภา สารสิน อดีตอธิบดีกรมตำรวจ ที่คาดได้ติด “พล.ต.อ.” โดย พล.ต.ท.รอย คาดว่าจะมีโอกาสขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของหน่วยในอนาคตเพราะเกษียณอายุราชการปี 67 ส่วน พล.ต.ท.ชินภัทร ถึงแม้ไม่ใช่ นรต. แต่ด้วยชื่อชั้นน่าจะได้ติด “พล.ต.อ.” ในตำแหน่ง จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) แทน พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ที่น่าจะได้ขยับไปนั่งเก้าอี้รอง ผบ.ตร.หลัก

พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี 

ในระนาบ ผู้ช่วย ผบ.ตร. คาดว่ามีการเสนอชื่อ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. (นรต.40) พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผบช.ภ. 7 (นรต.42) พล.ต.ท.พัฒนวุธ อังคะนาวิน ผบช.สงป (นรต.37) พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 (นรต.39) พล.ต.ท.เชษฐา โกมลวรรธนะ จตร. (นรต.38) พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผบช.ภ.8 (นรต.41) พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบช.ภ. 3 (นรต.41) และ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบช.ก.

พล.ต.ต.สำราญ นวลมา 

ระดับ “ผบช.” ที่น่าจับตาก็คงหนีไม่พ้น “แม่ทัพนครบาล” โดยปีนี้คาดว่ามีการเสนอชื่อ พล.ต.ต.สำราญ นวลมา รอง ผบช.น. (นรต.50) ส่วน “บิ๊กอุ่ย” พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร จตร. (สบ8) ปฏิบัติราชการ บช.น. (นรต.38) ที่เดิมถูกวางตัวช่วยงานมานานจะขยับไปนั่ง ผบช.ปส. ส่วนเก้าอี้ ผบช.ภ.2 “บิ๊กจ้าว” พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.ประจำฯ สายตรง “บิ๊กปั๊ด” ที่ปัจจุบันมาทำหน้าที่ รรท.ผบก.ชลบุรี นั่งเก้าอี้ดูแลภาคตะวันออก พื้นที่ภูธรภาค 3 คาดได้ชื่อ พล.ต.ต.สุรพล เปรมบุตร รอง ผบช.ภ.1 ไปคุมอีสานล่าง โดยมีชื่อ “เดอะเปีย” พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม รอง ผบช. เป็นตัวสอดแทรก ส่วนภูธรภาค 5 มีชื่อ พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี รอง ผบช.ภ.5 เด็กในคาถารองวิษณุ เครืองาม ตีตราจอง ขณะที่ภูธรภาค 6 เดิมมีชื่อ พล.ต.ต.ปัญญา ปิ่นสุข รอง ผบช.ก. แต่ตอนนี้มีชื่อ “เดอะอ้อ” พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผบช.ประจำฯ สายตรงนายกฯ และเพื่อนสนิท ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ และเลขาธิการ พปชร. มาแรงขึ้นไปคุมเหนือล่าง

พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช 

ขณะที่ภูธรภาค 7 มีชื่อ พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ส.กตร. และพล.ต.ต.สราวุธ สงวนโภคัย รอง ผบช.ภ.7 วัดกำลังกันวันสุดท้าย ด้านภาค 8 พล.ต.ต.นันทเดช ย้อยนวล รอง ผบช.ภ 8 ม้าดีดปลายเข้าวินคุมใต้ตอนบนสำเร็จ ส่วนภาค 9 ไม่น่าพลิก พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ จตร.(สบ8) ขยับไปนั่งเก้าอี้ ส่วนพื้นที่เหนียวแน่นไม่ได้ขยับไปไหน พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 พล.ต.ท. ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4

พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง

สำหรับหน่วยเฉพาะด้านและสนับสนุนการปฏิบัติงานนั้น “สอบสวนกลาง” พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก. ก้าวขึ้นมาคุมงานเต็มตัว “เดอะแจง” พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง นั่งที่เดิม ผบช.สอท. พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน เป็น ผบช.กมค. พล.ต.ต.ศิริพงษ์ ติมุลา ขยับขึ้น ผบช.สทส. พล.ต.ต.ณัฐ สิงห์อุดม เป็น ผบช.ตชด. พล.ต.ต.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร รอง ผบช.ภ.2 นรต.รุ่น 42 เกษียณอายุราชการปี 2570 ขึ้นผบช.นรต. พล.ต.ท.วีระ จิระวีระ แม้โดนพิษบ่อนในภาค 2 ยังได้นั่งเก้าอี้สำคัญ ผบช.สพฐ.ตร. พล.ต.ต.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ไปขึ้น ผบช.ส. พล.ต.ท. ธนพล ศรีโสภา โยกเป็นจเรตำรวจ พล.ต.ต.สราวุธ สงวนโภคัย อาจจะได้ลุ้น ผบช.สตม. แต่ต้องไปเบียดกับ พล.ต.ท.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ ผบช.กมค. ที่ถูกวางตัวสืบทอดจากคนเดิม และพล.ต.ต.ปัญญา ปิ่นสุข เป็น ผบช.ประจำฯ เป็นต้น

พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ 

นอกจากนี้ในส่วนกลุ่มรอง ผบช.อาวุโส 33% ที่มีสิทธิได้รับพิจาณาแต่งตั้งขึ้น ผบช. ประกอบไปด้วย พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.อภิชาติ เพชรประสิทธิ์ รอง ผบช.ส., พล.ต.ต.นพปฎล อินทอง รอง ผบช.สง.ก.ตร., พล.ต.ต.กฤษฎา สุรเชษฐพงษ์ รอง ผบช.สกบ., พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. และพล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์ รอง ผบช.กม.

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ  
พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล