เมื่อวันที่ 24 ส.ค. นายวุฒิภูมิ จุฬางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยความคืบหน้าแผนฟื้นฟูกิจการสายการบินนกแอร์ และแผนการดำเนินงาน ผ่านระบบออนไลน์ว่า สายการบินนกแอร์ ได้ยื่นแผนฟื้นฟูกิจการฯ ต่อศาลล้มละลายกลางแล้ว โดยศาลฯ นัดพิจารณาในวันที่ 26 ส.ค.64 อย่างไรก็ตามต้องขอบคุณเจ้าหนี้ของสายการบินนกแอร์ ซึ่งยอมรับแผนฟื้นฟู 76.72% ของจำนวนหนี้ 5,153 ล้านบาท ถือเป็นก้าวสำคัญที่สุดของนกแอร์ที่จะสามารถเข้าสู่การฟื้นฟูกิจการฯ ให้สามารถกลับมาทำการบินได้อย่างมั่นคง อย่างไรก็ตามขณะนี้นกแอร์ยังมีเงินสดในมือ 3 พันล้านบาท ซึ่งยังเพียงพอที่จะใช้ในการทำการบินได้ ขอให้ผู้โดยสารมั่นใจได้

นายวุฒิภูมิ กล่าวต่อว่า สำหรับรายละเอียดของแผนฟื้นฟูฯ นั้น จะมีการเพิ่มทุน 5 พันล้านบาทภายใต้แผนฟื้นฟูฯ 5 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 65 นอกจากนี้จะเพิ่มเครื่องบินปีละ 2 ลำ สนับสนุนการบินเมืองรอง โดยเฉพาะที่ อ.เบตง จ.ยะลา เบื้องต้นมีแผนเปิดทำการบินในเส้นทาง กรุงเทพฯ (ดอนเมือง)-เบตง และหาดใหญ่-เบตง ภายในปี 64 ซึ่งจะให้บริการด้วยเครื่องบินแบบใบพัด รุ่น Q400 NextGen ขนาด 86 ที่นั่ง อย่างไรก็ตามการเปิดทำการบินในระยะแรกราคาตั๋วโดยสารอาจค่อนข้างสูง เนื่องจากระยะทางบินไกล จึงขอรับการสนับสนุนจากภาครัฐเรื่องราคา และการันตีจำนวนผู้โดยสาร หากรัฐช่วยสนับสนุนจะทำให้ราคาตั๋วโดยสารถูกลงได้ ซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้รับคำตอบเรื่องนี้ที่ชัดเจนจากภาครัฐ

นายวุฒิภูมิ กล่าวอีกว่า ในปลายปีนี้สายการบินนกแอร์ จะรับมอบเครื่องบินโบอิ้ง 737-800 รุ่นนิวเจนเนอเรชั่น ขนาด 189 ที่นั่ง อีก 6 ลำ ซึ่งก็จะสามารถนำเครื่องบินใบพัด Q400 ที่มีอยู่เดิมไปให้บริการในเส้นทางเบตงได้ไม่เกิน 2 เดือนหลังจากรับเครื่องบินใหม่ อย่างไรก็ตามสายการบินนกแอร์มีแผนปรับเปลี่ยนจากการเป็นสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์) เป็นพรีเมียมแอร์ไลน์ โดยจะใช้จุดแข็งที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็น สายการบินของคนไทย ที่นั่งกว้างขวาง นั่งแล้วเข่าไม่ติด รวมทั้งจะมีบริการใหม่ๆ เหมือนกับสายการบินเต็มรูปแบบ (ฟูลเซอร์วิส) และในอนาคตมีแผนจะร่วมกับพันธมิตรต่างๆ อาทิ สตาร์บัคส์ ในการเสิร์ฟเครื่องดื่มร้อนให้กับผู้โดยสารบนเครื่องบิน ขณะเดียวกันจะจับมือกับสายการบินอื่นทั้งในประเทศ และระหว่างประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสในการจำหน่ายตั๋วโดยสารด้วย

นายวุฒิภูมิ กล่าวต่อว่า สำหรับแผนทำการบินหลังจากนี้ สายการบินนกแอร์ได้เสนอเรื่องไปยังสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เพื่อขอกลับมาทำการบินที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เพราะยังมีบุคลากรด้านต่างๆ ที่จำเป็นต้องเดินทางเร่งด่วน เช่น แพทย์, พลังงาน, การสื่อสาร, ทหาร รวมถึงการขนส่งอุปกรณ์ที่จำเป็นที่ต้องใช้ระยะเวลาสั้นในการขนส่ง อาทิ อวัยวะรอการปลูกถ่าย พร้อมกันนี้ได้ขอผ่อนผันอัตราบรรทุกผู้โดยสารจากเดิมที่กำหนดให้สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้แค่ 50% ของจำนวนที่นั่งของเครื่องบิน เป็น 70% โดยยังคงยึดหลักตามมาตรการเว้นระยะห่างตามเดิม เบื้องต้นคาดว่าจะกลับมาบินที่ท่าอากาศยานดอนเมืองได้ในเดือน ก.ย.64 ภายใต้ข้อกำหนดต่างๆ ที่รัฐอยู่ระหว่างการพิจารณา อาทิ ต้องฉีดวัคซีนแล้ว จึงจะเดินทางได้ ทั้งนี้หาก กพท. อนุญาตให้บรรทุกผู้โดยสารได้เพิ่มมากขึ้นจะทำให้ราคาตั๋วโดยสารถูกลงได้

ด้านนายธีรพล โชติชนาภิบาล ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ สายการบินนกแอร์ กล่าวว่า เชื่อว่าภายในไตรมาสที่ 4 ปี 64 การเดินทางท่องเที่ยวทางอากาศจะเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยเริ่มจากเส้นทางภายในประเทศก่อน และตามมาด้วยเส้นทางระหว่างประเทศ ซึ่งขณะนี้สายการบินนกแอร์เตรียมพร้อมทำการบินอยู่เสมอ หากล็อกดาวน์จบ และรัฐให้เริ่มเดินทางได้ จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทยจำนวนมากแน่นอน เพราะประเทศไทยมีที่ท่องเที่ยวสวยงามระดับโลกมากมาย เบื้องต้นคาดว่าจะเปิดทำการบินเส้นทางระหว่างประเทศได้กลางปี 65 จะเริ่มเส้นทางในเส้นทางญี่ปุ่น, จีน และประเทศเพื่อนบ้านก่อน แต่ก่อนจะเปิดบินจะขอดูสถานการณ์ของการเดินทางอีกครั้งด้วย.