The Conjuring: The Devil Made Me Do It ภาคต่อภาพยนตร์สยองขวัญสุดฮิตในตำนาน ที่สร้างจากแฟ้มคดีที่สะเทือนขวัญที่สุดของ เอ็ด และ ลอร์เรน วอร์เรน พร้อมส่งตรงความระทึกขวัญถึงบ้านคุณ ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 27 ส.ค. ทาง HBO GO

ภาพยนตร์ว่าด้วยความหวาดกลัว เหตุฆาตกรรม และปิศาจที่ไม่มีใครรู้จัก เรื่องราวเริ่มต้นจากการต่อสู้เพื่อวิญญาณของชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งพาให้สองสามีภรรยาเอ็ดและลอร์เรน วอร์เรน ได้พบกับเรื่องเหนือความคาดหมายเกินกว่าทุกเรื่องที่พวกเขาเคยเจอมา นี่คือเหตุการณ์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกาที่ผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมอ้างเหตุผลการฆาตกรรมของเขาว่าผู้อยู่เบื้องหลังคือ ปิศาจมัจจุราช

ผลงานการกำกับของ ไมเคิล ชาเวส ภายใต้การอำนวยการสร้างของเจมส์ วาน และปีเตอร์ ซาฟราน สองหัวเรือใหญ่แห่งจักรวาลคอนเจอริ่ง พร้อมด้วยนักแสดงชุดเดิมอย่าง เวรา ฟาร์มิกา และ แพทริค วิลสัน ได้กลับมารับบทลอร์เรนและเอ็ดอีกครั้ง ร่วมด้วยทัพนักแสดงหน้าใหม่ อาทิ รัวรี่ โอคอนเนอร์, ซาราห์ แคทเธอรีน ฮุค และ จูเลียน ฮิลเลียด

เจมส์ วาน ผู้อยู่เบื้องหลังการสร้างสรรค์และพัฒนาเรื่องราว ‘จักรวาลคอนเจอริ่ง’ ทั้งสองภาคก่อนหน้านี้ แต่อย่างไรก็ตาม The Conjuring: The Devil Made Me Do It นับเป็นภาคแรกของภาพยนตร์ เดอะ คอนเจอริ่งที่เจมส์ วานไม่ได้นั่งแท่นผู้กำกับ แต่กลับเลือกไมเคิล ชาเวส มารับหน้าที่ผู้กำกับในภาคนี้แทน “ผมเพิ่งได้ร่วมงานกับไมเคิล ชาเวส และผมก็ชื่นชอบเขามาก ผมเห็นการเติบโตของเขาตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่องแรกที่เขากำกับ ผมสัมผัสได้ถึงพลัง ความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงความคิดของเขาล้วนเป็นสิ่งที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องการอย่างแท้จริง”

เมื่อถามถึงความรู้สึกในการรับบทบาทผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ชาเวส เผยว่า “ตอนที่ผมได้รับเลือกให้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับเลือก แต่ผมก็พร้อมที่จะกำกับอย่างสุดความสามารถ” นอกจากนี้เขายังยอมรับว่า “มันเหมือนความฝันที่กลายเป็นจริง ผมเป็นแฟนตัวยงของภาพยนตร์ ‘เดอะ คอนเจอริ่ง’ เจมส์เป็นเจ้าพ่อแห่งหนังสยองขวัญสมัยใหม่ ดังนั้นการที่จะมาสานต่อโลกที่เขาสร้างขึ้นนั้นทั้งน่าตื่นเต้นและน่าหวาดหวั่น มีความรับผิดชอบมหาศาลไม่ใช่แค่กับเจมส์เท่านั้น แต่สำหรับแฟนๆของแฟรนไชส์ รวมถึงตัวละครที่เขาสร้างขึ้นด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่ามากสำหรับผม”

นอกจากนี้เมื่อย้อนกลับไปในช่วงการถ่ายทำ ‘เดอะ คอนเจอริ่ง 2’ มีคนเคยถามถึงสิ่งที่ เอ็ด และ ลอร์เรน จะต้องเจอในภาคต่อไป เจมส์ วาน กล่าวว่า “ผมไม่ต้องการให้ภาคต่อไปเป็นภาพยนตร์บ้านผีสิงเหมือนกับสองภาคแรก” เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น เจมส์ วาน, ปีเตอร์ ซาฟราน และ เดวิด เลสลี่ จอห์นสัน-แม็คโกลด์ริค ผู้เขียนบทได้หันไปเลือกเรื่องราวจากหนึ่งในแฟ้มคดีที่โด่งดังที่สุดของวอร์เรน ทีมงานรู้สึกว่านี่เป็นโอกาสที่สมบูรณ์แบบสำหรับเอ็ดและลอร์เรน ที่จะผลักดันทักษะของพวกเขาให้ถึงขีดจำกัด เพื่อเสี่ยงชีวิตในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหาและการมีอยู่ของสิ่งชั่วร้าย

ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังมอบความสมบูรณ์แบบให้กับทีมผู้สร้าง ในการทำให้เอ็ดและลอร์เรน เหมือนคนทั่วไป โดยให้ตำรวจเข้าไปมีส่วนร่วมและสืบสวนเหตุผลอันชั่วร้ายที่นำไปสู่การก่ออาชญากรรมอันน่าสยดสยอง “สิ่งที่ทำให้คอนเจอริ่งภาคนี้มีความน่าสนใจและแตกต่างไปจากภาคก่อนๆคือการที่คุณจะรู้สึกได้ถึงความหวาดกลัวแบบที่คุณคาดหวังว่าจะได้จากภาพยนตร์ ‘เดอะ คอนเจอริ่ง’ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีการหยิบเหตุการณ์ในคดีระทึกขวัญที่เกิดขึ้นจริงมาผูกเข้ากับเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติในแบบจักรวาล ‘คอนเจอริ่ง’ ไว้ด้วย” ชาเวส กล่าว

The Conjuring: The Devil Made Me Do It นับเป็นภาพยนตร์ลำดับที่ 7 ใน ‘จักรวาลคอนเจอริ่ง’ แฟรนไชส์ภาพยนตร์สยองขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ กวาดรายได้จากทั่วโลกมาแล้วกว่า 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไล่เรียงจาก เดอะ คอนเจอริ่ง 2 ภาคแรก, แอนนาเบลล์ (Annabelle), แอนนาเบลล์ กำเนิดตุ๊กตาผี (Annabelle: Creation), เดอะนัน (The Nun) และ แอนนาเบลล์ ตุ๊กตาผีกลับบ้าน (Annabelle Comes Home).