คำถามที่ตามมาและได้ยินบ่อยที่สุดคือ “เราจะถอดหน้ากากกันตอนไหน ?” ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขเองก็ยํ้ามาเสมอว่า “การสวม
หน้ากากให้เป็นเรื่องของความสมัครใจ”

ล่าสุด “คุณหมอขอบอก” ได้มีโอกาสพูดคุยกับ “นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา” ก่อนหมดวาระดำรงตำแหน่งคณบดี คณะแพทยศาสตร์
ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล 1 วัน ซึ่งเรื่องนี้ “คุณหมอประสิทธิ์” ระบุว่า “สถานการณ์เป็นไปตามที่คาดการณ์ว่าเข้าสู่ปลายทาง
ของโรคโควิด–19 หลายประเทศมีการผ่อนคลายมาตรการ โดยเฉพาะยุโรปเมื่อติดตามช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมาสถานการณ์ก็ไม่ได้แย่ลง หมายความว่า “อัตราการเสียชีวิตลดลง” เช่นเดียวกับไทยที่อัตราการเสียชีวิตลดลง แต่ต้องระวังกลุ่ม 608 คนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนหรือฉีดไม่ครบ

ส่วนเรื่องการสวมหน้ากากหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร คุณหมอยํ้านักยํ้าหนาว่า ขอพูดถึง New Normal ส่วนตัว นั่นคือ New Normal ของเราไม่ได้แปลว่าไม่ต้องใส่หน้ากาก แต่หมายความว่าใครอยากใส่ก็ใส่ ใครไม่อยากใส่ก็ไม่ต้องใส่ ไม่เช่นนั้นอาจจะเป็นการละเมิดสิทธิกัน ส่วนตัวมีแนวโน้มชอบใส่หน้ากาก เพราะเวลาไปไหนมาไหนก็เสี่ยงน้อยลง ไข้หวัดใหญ่ก็ไม่ต้องกลัว

ดังนั้นนิวนอร์มัลไม่ได้หมายความว่าไม่ใส่หน้ากาก คนอาจจะใส่หน้ากากน้อยลงแน่ เหมือนใส่เสื้อนอก หรือผูกเนกไท ซึ่งบางคนก็ไม่ใส่เสื้อนอก ไม่ผูกเนกไท กลายเป็น “นอร์ม” คือต่างคนต่างยอมรับซึ่งกันและกัน ใครใคร่ใส่ก็ใส่ ใครไม่ใคร่ใส่ก็ไม่ต้องใส่”

นิยาม New Normal แปลความหมายกว้างมาก แต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน

ส่วน New Normal ของตนคือ ล้างมือบ่อย ๆ แน่นอน มีแนวโน้มอยากใส่หน้ากาก ยิ่งเวลาไปที่ที่มีคนเยอะ เจอคนไอจามก็จะใส่หน้ากากก่อนเลย เมื่อไหร่มีวัคซีนมีฉีดวัคซีนแน่ ๆ แต่คนอื่นอาจจะไม่

ดังนั้นคำว่านิวนอร์มัล หมายความว่า โลกนี้ผ่านกระบวนการที่เป็นการบังคับ หรือควบคุมอย่างเข้มงวดไปแล้ว เพราะปัจจุบันไม่ได้เป็นโรคติดต่อร้ายแรงแล้ว ดังนั้นนิวนอร์มัลของแต่ละคนคือดูแลสุขภาพของตัวเอง ป้องกันตัวเองให้แข็งแรง ซึ่งแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่เราไม่ได้เป็นการกลับมาควบคุมทุกอย่างเหมือนเดิมอีก

แต่คนไทยต้องมีบทเรียน การรู้จักหลักการของการป้องกันโรคติดต่อคือการไม่ใกล้ชิด ดังนั้นวันข้างหน้าเกิดโรคกลับมาก็ขอให้คนไทยนึกถึงบทเรียนนี้ตระหนักเรื่องการป้องกันตนเองและครอบครัว.

อภิวรรณ เสาเวียง