เมื่อเวลา 09.10 น. วันที่ 27 ม.ค. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสกลธี ภัททิยกุล ในฐานะหัวหน้าทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ของพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีกำหนดการปราศรัยครั้งแรกของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ว่า หลังจากเปิดตัวผู้สมัคร กทม. ตอนนี้อยู่ในขั้นการวางแผนยุทธศาสตร์และนโยบายของ กทม. สำหรับการปราศรัยที่เขตป้อมปราบฯ นั้น ทางหัวหน้าและคณะกรรมการบริหารพรรคได้มอบให้ตนและทีมงานไปดูความเหมาะสมและรูปแบบในการลงพื้นที่ของหัวหน้าพรรคที่อาจไม่ใช่ลงไปตั้งเวทีปราศรัย เพราะด้วยสภาพของเขตป้อมปราบฯ ไม่สามารถรองรับการจัดการปราศรัยที่มีขนาดใหญ่ได้ โดยรูปแบบที่จะให้หัวหน้าพรรคลงพื้นที่เพื่อเอาฤกษ์เอาชัยตามชื่อเขตป้อมปราบฯ แต่จะเป็นลักษณะการไปวัดในพื้นที่ ซึ่งมีทั้งวัดไทย วัดจีนและมัสยิด ที่ขณะนี้ทีมงานกำลังคุยกัน ทั้งนี้ คิดว่าไม่น่าเกินกลางเดือนก.พ. จะมีบทสรุปให้หัวหน้าพรรคลงพื้นที่ได้

เมื่อถามว่า นอกจากเขตป้อมปราบฯ แล้ว ได้มีการวางแผนหาเสียงในพื้นที่ กทม.อย่างไรบ้าง นายสกลธี กล่าวว่า ในฐานะที่ตนดูภาพรวมก็จะพยายามดูตัวผู้สมัครให้ครบก่อน ตอนนี้ยังมีปัญหาอยู่ 4-5 เขต เพราะมีผู้สนใจอยากจะลงสมัครเกินกว่าที่เราต้องการจึงต้องมาจัดกัน โดยพรรคได้มีการทำโพล เพื่อสำรวจความนิยมตัวผู้สมัคร ส.ส. จึงขอเตือนว่า แม้พื้นที่ไหนจะมีการเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ไปแล้ว ก็มีสิทธิ์ที่จะถูกเปลี่ยนตัวได้ถ้าคะแนนไม่ดี เพราะฉะนั้นผู้สมัคร ส.ส. ต้องลงพื้นที่อย่างหนักและต่อเนื่อง จากนั้นเราก็จะมาวางยุทธศาตร์การหาเสียง โดยใช้แนวทางหาเสียงเหมือนตอนสมัครผู้ว่าฯ กทม. ที่จะลงไปช่วยผู้สมัครทุกเขต และจะนำผู้ใหญ่ของพรรคไปด้วย ส่วนรูปแบบและป้ายหาเสียงจะออกจากส่วนกลางทั้งหมด เพื่อไม่ให้แต่ละเขตทำกันเองอย่างสะเปะสะปะ

นายสกลธี กล่าวต่อว่า สำหรับการปราศรัยใหญ่ใน กทม. มีแน่นอน กำลังดูความเหมาะสม โดยจะมีการจัด 2 ครั้งในช่วงปลายใกล้เลือกตั้ง ทั้งฝั่งพระนคร และฝั่งธนบุรี ซึ่งวัน เวลา สถานที่ จะมีการแจ้งให้ทราบอีกครั้ง ทั้งนี้ ชื่อเขตป้อมปราบฯ ถือเป็นสีสัน เราไม่ได้มองใครเป็นศัตรู เหมือนเวลาเราจะไปออกศึกก็ต้องเอาแม่ทัพเราลงสนาม ซึ่งชื่อของหัวหน้าก็พ้องกับชื่อเขตพอดี เลยนำส่วนนี้มาเป็นสีสันในการเปิดเวทีปราศรัย

เมื่อถามว่า หนักใจหรือไม่ที่เขตป้อมปราบฯ ที่เดิมเป็นพื้นที่ของพรรค แต่ปัจจุบันผู้สมัครได้ย้ายไปอยู่พรรคอื่นแล้ว นายสกลธี กล่าวว่า ไม่หนักใจ เพราะใน กทม. ตัวบุคคล 30 เปอร์เซ็นต์ กระแส 70 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ ยอมรับว่า ส.ส.เก่าได้เปรียบอยู่แล้ว แต่อยู่ที่การทำกระแสและการทำนโยบายให้ชาว กทม.เชื่อมั่น ตนยืนยันว่า ผู้สมัคร ส.ส.ของเราไม่ได้เป็นสองรองใคร ซึ่งการปราศรัยของหัวหน้าจะขึ้นเวทีปราศรัยด้วยอยู่แล้วและจะมีแกนนำไปช่วย

เมื่อถามว่า พื้นที่ กทม. คาดหวังว่าจะกี่เก้าอี้ นายสกลธี กล่าวว่า ตนบอกกับหัวหน้าพรรคไปว่า ครั้งนี้อาจจะยาก เพราะมีคู่แข่งหลายพรรค และแต่ละพรรคก็ส่งตัวดีๆ ลงในแต่ละเขต ซึ่งหัวหน้าพรรคก็บอกให้ทำให้เต็มที่ ไม่ได้มีกำหนดว่าต้องได้เท่าไหร่ แต่ถ้าถามตน ในใจอย่างน้อยก็อยากได้ 5-6 ที่นั่ง ซึ่งถือว่าเป็นคาดการณ์ที่ไม่เว่อร์จนเกินไป แต่ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้นถือว่าทำดีที่สุดแล้ว

เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จะให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ไปปราศรัยจุดแรกที่แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร ถือเป็นการแก้เกมกันหรือไม่ นายสกลธี กล่าวว่า ก็ถือเป็นสีสันของการเลือกตั้ง สุดแล้วแต่ทีมยุทธศาสตร์ของแต่ละพรรคจะจัดกันอย่างไร.