คลุกคลีกับศาสตร์แห่งการปรุงอาหารตามต้นตำรับฝรั่งเศส มาจนช่ำชองแตกฉาน เมื่อชีวิตทุกด้านเกิดความลงตัว เชฟเจย์-สายนิสา แสงสิงแก้ว จึงได้จับมือกับเพื่อนวงการเดียวกัน มาเปิดร้านอาหารแคชชวล ไฟน์ ไดนิ่ง สไตล์ฝรั่งเศสร่วมสมัย ชื่อว่า “สตาช (Stage)” นำเสนอรสชาติต้นตำรับเมืองน้ำหอม ที่ผสมผสานเทคนิคการทำอาหารจากทั่วทุกมุมโลก อาหารแต่ละจานจึงถูกถ่ายทอดอย่างสวยงาม และแฝงไว้ด้วยรายละเอียดมากมาย

เชฟเจย์-สายนิสา แสงสิงแก้ว

ร้านโทนสีน้ำเงินแซมสีคอปเปอร์หรูหรานั่งสบาย ตกแต่งภายในโดยได้รับแรงบันดาลใจจากสไตล์ “สแกนดิเนเวียน มินิมอลลิสม์” ผสมผสานกับ “ปารีเซียง ชิค” ตั้งอยู่บนถนนเอกมัย (ระหว่างซอยเอกมัย 19 และเอกมัย 21 เชฟเจย์กำลังขะมักเขม้นกับการจัดเตรียมวัตถุดิบในห้องครัว ด้านหลังโซนกึ่งไพรเวท เชฟ เทเบิ้ล สามารถมองเห็นทีมเชฟคนอื่นๆ ทำงานในครัวเปิดอันสวยงามได้อย่างใกล้ชิดผ่านกระจกใส ซึ่งวันนี้มีลูกค้าโทรมาจองลิ้มลองความอร่อยเต็มทุกโต๊ะ

เนื่องจากทางร้านฉลองครบ 3 ปี ด้วยการเปิดตัวเทสติ้งเมนูใหม่ล่าสุด “สตาซ เมนู 9.0” ที่เรียกได้ว่าเป็นการย้อนเวลากลับไปหาจุดเริ่มต้นการเดินทางกับเมนูแรกอย่าง เมนู 1.0 ซึ่งได้หยิบยกเอาหลายเมนูเด่นที่ทุกคนต่างคิดถึงมาเป็นแรงบันดาลใจและนำมาดัดแปลงใหม่ พร้อมด้วยอีกหลากเมนูที่รังสรรค์ขึ้นใหม่เพื่อการเฉลิมฉลองโอกาสพิเศษในครั้งนี้ ซึ่งหนึ่งในเมนูไฮไลท์ประจำซีซั่นนี้ ได้แก่  “สตาซ คาเวียร์ บ็อกซ์” จานแรกของคอร์สเอ็กซ์พรีเรียนซ์ที่เรียกความสดชื่น

เชฟเจย์ผู้ถนัดการทำอาหารด้วยเทคนิคอันซับซ้อน ผสมกับลูกเล่นเฉพาะตัว และความโมเดิร์นทวิสต์ เล่าว่า ตัวเองสนใจอยากเป็นเชฟมานานแล้ว แต่ในสมัยนั้นอาชีพเชฟยังไม่ได้รับความนิยมเท่ากับปัจจุบัน จึงเบนเข็มไปเรียนทางด้านนิเทศศาสตร์ หลังจากจบการศึกษาระดับปริญญาตรี ก็บินไปเรียนต่อที่ประเทศออสเตรเลีย แล้วกลับมาทำงานที่ร้านเลอโนทอันโด่งดัง พร้อมกับได้รับโอกาสถูกส่งตัวไปเทรนด์ที่ปารีส กระทั่งร้านปิดตัวลงจึงย้ายมาทำที่ร้านโฟชอง, ร้านลัตเตอลิเย เดอ โจเอล โรบูชง ที่มาเปิดในเมืองไทย และสายการบินแอร์ฟรานซ์ ดูแลอาหารบนเครื่องบิน ตามลำดับ

“คำว่า “สตาซ” ในภาษาฝรั่งเศส แปลว่า “เด็กฝึกงาน” โดยเชฟจบใหม่ หากอยากทำงานในร้านมิชลินหรือร้านดัง ก็ต้องหาร้านฝึกเพื่อเก็บโปรไฟล์ ทำงานแลกประสบการณ์ ไม่มีเงินค่าจ้าง เจย์เลยคิดว่าคนเป็นสตาซ ต้องมีความอดทน มีแพสชั่น และอ่อนน้อมถ่อมตน จากคุณสมบัติ 3 ข้อนี้จึงนำมาเป็นปรัชญาของร้านเรา” เชฟเจย์เผย

หลังจากเตรียมวัตถุดิบเสร็จแล้ว ก็ถึงขั้นตอนการทำ “สตาซ คาเวียร์ บ็อกซ์” ที่ถอดเทคนิคความซับซ้อนไว้ทุกกระเบียดนิ้ว โดยชั้นล่างสุดจะเป็นสแกลลอปจากฮอกไกโด ผ่านการเซียร์เอามาคลุกปรุงรสผสมเกลือกับพริกแห้ง และคลุกกับเฟนเนล ครีม ชั้นที่สองเป็นเจลลี่คือ ล็อบสเตอร์ คอนซูเม่ ทำจากเปลือกล็อบสเตอร์นำมาต้ม ผสมเจลาติน และเอามาเทบนสแกลลอป ทิ้งให้เซทตัว เวลาเสิร์ฟ ตัก oscietra caviar ด้านบน เติมส่วนรอบกล่องด้วย พิคเคิลแอปเปิ้ลและคิวคัมเบอร์ไว้ช่วยตัดเลี่ยน ตกแต่งด้วยดิวและดอกไม้กินได้.                                                                                                                      

ช้องมาศ : เรื่อง

ภมร มานะพรชัย : ภาพ