สรุป 5 ประเด็น ที่น่าสนใจ และเป็นที่พูดถึงมากที่สุด ในฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ 2 ของฤดูกาล เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
“ลูกากู” ประเดิมสนามสุดแจ่ม
โรเมลู ลูกากู กลับมา เชลซี อีกครั้ง และครั้งนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อเขาใช้เวลาแค่ 15 นาที ประเดิมประตูแรกให้ต้นสังกัดใหม่แต่หน้าเก่าได้ทันที ทั้งๆที่ ในรอบที่แล้ว หัวหอกทีมชาติเบลเยียม ทำประตูให้ เชลซี ไม่ได้เลยแม้แต่ลูกเดียว ในการลงเล่น 10 นัด
7 ปีที่จากลอนดอน ลูกากู กลับมาพร้อมสถิติค่าตัวแพงที่สุดของสโมสร ถึงเกือบ 98 ล้านปอนด์ แต่เขาก็เริ่มทำให้เห็นแล้วว่า มันคุ้มค่าทุกนาที เอ้ย! ทุกเพนนี เพราะนอกจาก ลงเกมแรกและมีประตูแล้ว ลูกากู ยังแสดงให้เห็นว่า เขาคือส่วนที่ขาดหายไปของ เชลซี ในยุค โธมัส ทูเคิล นั่นคือกองหน้าตัวเป้า ที่คอยจบสกอร์, เก็บบอล, ต่อเกม, ไปกับบอล และอีกมากมาย ซึ่ง ลูกากู ทำได้เกือบสมบูรณ์แบบ จนได้รับตำแหน่งแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ไปครอง
เมื่อถูกถามถึงฟอร์มตัวเองหลังเกม ลูกากู จึงตอบแบบไม่ได้โม้ว่า “ผมคงต้องบอกว่า เราเหนือจริง”
การเผชิญหน้าของ ลูกากู กับ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ ในซูเปอร์บิ๊กแมตช์ ลิเวอร์พูล ปะทะ เชลซี ที่แอนฟิลด์ ในวันเสาร์หน้า จึงน่าเดือดสุดๆ และห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง!
++++++++++++++++
เคราะห์ซ้ำกรรมซัดของ “อาร์เตตา”
ถ้าหาก เชลซี กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น ทำอะไรก็ดีไปหมด ในทางตรงกันข้าม คู่แค้นร่วมกรุงลอนดอน ที่พวกเขาเพิ่งปราบในเกมนี้อย่าง อาร์เซนอล ก็อยู่ในช่วงขาลงสุดๆ ชนิดหยิบจับอะไรก็ผิดพลาดไปหมด ทำให้ใบหน้าของกุนซือหนุ่มใหญ่อย่าง มิเกล อาร์เตตา แทบจะไม่เหลือรอยยิ้มอีกแล้ว
ก่อนเกมนี้ อาร์เซนอล ได้รับข่าวร้ายชิ้นล่าสุด เมื่อ เบน ไวท์ กองหลังตัวความหวัง เจ้าของค่าตัว 50 ล้านปอนด์ ถูกตรวจว่าติดโควิด จึงไม่มีส่วนร่วมกับเกม ขณะที่ อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ ก็ยังรักษาตัวจากอาการเดียวกัน ยังดีอยู่หน่อยที่ ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยัง หายโควิด กลับมานั่งสำรองได้ และได้ลงช่วงท้าย แต่ที่สำคัญคือ ไม่รู้ว่าจะมีใครในทีมติดอีกหรือไม่ และเกมต่อๆไปจะใช้งานผู้เล่นคนไหนได้บ้าง
เบน ไวท์ อาจจะมาใหม่ แต่ก็เป็นตัวหลัก เมื่อขาดเขาไป เห็นชัดว่า ปาโบล มารี กับ ร็อบ โฮลดิ้ง เอาเกมรุก เชลซี โดยเฉพาะ ลูกากู ไม่อยู่ คีแรน เทียร์นีย์ จึงต้องหุบจากแบ๊กซ้ายเข้ามาช่วยซ้อนเซ็นเตอร์ฮาล์ฟบ่อยๆ เปิดพื้นที่ให้ รีซ เจมส์ เติมได้อย่างเมามัน จนเป็นที่มาของทั้ง 2 ประตู อนาคตของ อาร์เตตา นาทีนี้ จึงเต็มไปด้วยคำถาม และอย่าลืมว่า จบเกมลีกสัปดาห์หน้า จะเป็นคิวของเกมทีมชาติ ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งต่อการปลดกุนซือ
แต่ก่อนไปถึงจุดนั้น ความ “วายป่วง” อาจจะยังไม่หมดแค่นี้ เพราะสัปดาห์หน้า “กันเนอร์ส” มีคิวต้องไปเยือน เอิ่ม…เอติฮัด สเตเดี้ยมของ แมนฯ ซิตี จ้า
+++++++++++++++++
“โอเล” กับแผนการอันแยบยลของเขา
เกมไปเยือน เซนต์ แมร์รีส์ ของ เซาแธมป์ตัน โอเล กุนนาร์ โซลชา กุนซือแมนฯ ยูไนเต็ด สร้างความเซอร์ไพร้ส์ให้แฟนบอลตั้งแต่ก่อนลงสนาม ด้วยการส่ง เนมันยา มาติช, เฟร็ด และ อองโตนี มาร์กซิยาล ลงสนามเป็นตัวจริงพร้อมกัน
เฟร็ด อาจเป็นตัวจริงบ่อย แถมเกมแรกยิงประตูได้ แต่ปกติแล้ว คู่เขาของเขาคือ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ซึ่งเกมนี้ โอเล กลับเลือก มาติช ลงมาคู่กับเขาแทน “แม็คโท” ทำให้ เฟร็ด ออกทะเล นอกจากเล่นไม่ได้แล้ว ยังสกัดบอลเปลี่ยนทางเข้าประตูตัวเองอีก ขณะที่ มาติช ก็สูงวัยแล้ว ความห้าว และกร้าวแกร่งแทบไม่เหลือ ส่วน มาร์กซิยาล ขอละเอาไว้ในฐานที่เข้าใจ และเชิญแฟนผีใส่กันได้ตามสบาย
อีกคำถามที่น่าสงสัยก็คือ 2 นักเตะใหม่ค่าตัวแพง ทำไม ไม่ใช้สักที รายของ ราฟาแอล วาราน พอเข้าใจได้ว่า เพิ่งมาถึง อาจจะยังไม่ฟิต แต่ เจดอน ซานโช มาพักใหญ่แล้ว นัดก่อนก็สำรอง นัดนี้น่าจะพร้อมได้แล้ว แต่ก็ยังแค่สำรองเหมือนเดิม แถมพอได้โอกาสลงมา ช่วงแรกอาจจะดูวูบวาบอยู่บ้าง แต่เล่นไปเล่นมาก็หายไปกับสายลม แฟนผีบางคนจึงเริ่มกังวลแล้วว่า หรือเขาอาจจะเป็นเหมือน ดอนนี ฟาน เดอ เบค ที่หอบชื่อเสียงมาอย่างเทพ แต่เล่นจริงนี่อย่างทู่
เกมหน้าไปเยือน วูล์ฟส์ ซึ่งไม่เคยเป็นงานง่ายของทุกทีม โซลชา จะจัดตัวยังไง และจะกลับมาคว้าชัยได้หรือไม่ จึงต้องติดตาม
++++++++++++++++
“เคน” รีเทิร์น-แฟนยังต้อนรับอบอุ่น
พูดถึง วูล์ฟส์ แม้จะเล่นดี แต่ พวกเขาแพ้มา 2 เกมรวด ล่าสุดก็แพ้ สเปอร์ส คาบ้าน 0-1 ซึ่งประเด็นใหญ่สุดในเกมนี้ คือการกลับมาลงสนามให้ไก่เดือยทองของ แฮร์รี เคน ที่เกมแรกที่ชนะ แมนฯ ซิตี ไม่มีชื่อ แต่เกมนี้มีชื่อสำรอง และได้ลงในครึ่งหลังแทน ซน ฮึง มิน ที่ป่วยเล็กน้อย
เมื่ออยู่ในสนาม เคน ก็ยังเป็น เคน เขายังคงทุ่มเทเพื่อทีม และแสดงให้เห็นว่า สเปอร์ส ที่มีเขานั้น ดีกว่า สเปอร์ส ที่ไม่มีเขาจริงๆ แฟนบอลตราไก่ ที่ตามไปเชียร์ทีมนัดนี้ จึงยังให้การต้อนรับ เคน อย่างอบอุ่น ด้วยการตะโกนเชียร์ตอบโต้กับแฟน วูล์ฟส์ ตลอดว่า เคน ยังเป็น “One of our own” หรือหนึ่งในพวกเรา และค่าตัวยังแพงกว่านักเตะหมาป่าทั้งทีมรวมกันด้วยซ้ำ ทั้งที่เกมแรก แฟน สเปอร์ส ยังตะโกนล้อ เคน อยู่เลยว่า “ดูอยู่หรือเปล่า แฮร์รี เคน”
ถึงกระนั้น อนาคต เคน กับ สเปอร์ส ก็ยังไม่มีอะไรแน่นอน และแม้ใกล้ปิดตลาดนักเตะแล้ว (31 ส.ค. เวลา 23.00 น. ของอังกฤษ หรือ 05.00 น. ของไทย) แต่ แมนฯ ซิตี ก็ยังไม่ละควาพยายามในการล่าตัว และเตรียมยื่นข้อเสนออีกครั้งในสัปดาห์นี้ แฟน สเปอร์ส จึงลุ้นกันอีกนิดว่า สโมสรจะรั้ง เคน ไว้ได้จบปิดตลาดหรือไม่ ซึ่งถ้าหากได้ มีโอกาสไม่น้อยที่ เจ้าตัวจะขยายสัญญา และรับค่าเหนื่อยเพิ่มขึ้นด้วย
++++++++++++++++++
“รักบี้” ฟุตบอล และกฎใหม่พรีเมียร์ลีก
มีกุนซืออย่างน้อย 2 คน ที่ออกมาบ่นเรื่องกฎใหม่ของพรีเมียร์ลีก ซึ่งเปลี่ยนแปลงจากเดิมเล็กน้อย ในจุดที่ กรรมการจะไม่เป่าหยุดเกมในจังหวะหยุมหยิม หรือฟาวล์แบบเล็กๆน้อยๆอีกต่อไป เพื่อให้เกมไหลลื่นมากขึ้น
ทั้ง 2 คน ที่ออกมาพูดคือ 2 บิ๊กเนมอย่าง เจอร์เกน คลอปป์ และ โอเล โซลชา โดย คลอปป์ พา ลิเวอร์พูล เปิดแอนฟิลด์ ชนะ เบิร์นลีย์ สบายๆ แต่ก็ยังไม่ค่อยพอใจ เพราะกรรมการปล่อยเกมเกินไป ทำให้ เบิร์นลีย์ ทำฟาวล์ “แค่ 12 ครั้ง” ทั้งที่น่าจะมากกว่านี้ จากการเล่นหลายๆครั้งของ แอชลีย์ บาร์นส์ และ คริส วูด 2 กองหน้า ที่จ้องเล่นงาน เวอร์จิล ฟาน ไดค์ และ โจแอล มาทิป คู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ลิเวอร์พูล ตลอดเกม ทำให้ คลอปป์ บ่นว่า เหมือนเกมฟุตบอลถอยหลังกลับไป 15 ปี
ขณะที่ โซลชา เดือดหนักกว่า คลอปป์ ด้วยซ้ำ เพราะผีแดงของเขาแค่เสมอ แถมจังหวะโดนยิงยังเป็นจังหวะก้ำกึ่งที่ บรูโน แฟร์นานด์ส เหมือนจะโดน แจ๊ค สตีเฟนส์ ทำฟาวล์ แต่ผู้ตัดสินไม่เป่า จนเป็นที่มาของการเสียประตู โอเล จึงยิ่งหงุดหงิดมาก และแซะพรีเมียร์ลีกว่า คงจะอยากเปลี่ยนฟุตบอลให้กลายเป็นรักบี้ กรรมการเลยไม่ค่อยเป่าหยุดเกม ทั้งที่เป็นการฟาวล์ชัดๆ
ประเด็นนี้ ถือว่าน่าสนใจ เพราะจะเป็นมาตรฐานที่ใช้ตัดสินตลอดไปทั้งฤดูกาลนี้ มันจะทำให้เกิดเหตุการณ์สำคัยอะไรขึ้น หรือจะไม่ใครออกมาบ่นแบบแสบๆคันๆอีกหรือไม่ ต้องติดตาม.
