เมื่อวันที่ 20 ม.ค. นายปิยบุตร เเสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ “ทางสองแพร่งของพรรคก้าวไกล” ตอนหนึ่งระบุว่า 3 เดือนเศษก่อนเลือกตั้งพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ตกอยู่ในทางสองแพร่ง คือขอเกาะเป็นรัฐบาล รณรงค์หาเสียงแบบไม่กล้าไปให้สุด จำเป็นต้องทอดไมตรีกับพรรคต่างๆ จนเสียอัตลักษณ์ หากผลลัพธ์ได้ 40-50 ที่นั่ง อาจทำให้มีโอกาสเป็นรัฐบาล ตามความกรุณาของเพื่อไทย (พท.) แม้อาจได้ ส.ส. น้อย แต่อย่างไรก็อาจได้ร่วม เป็นรัฐมนตรีคุมสัก 2-3 กระทรวง แล้วใช้โอกาสแสดงผลงาน แนวทางแบบ ขอเกาะเป็นรัฐบาลก็เหมาะสม แล้วค่อยไปหวัง ไปลุ้น กับการเลือกตั้งครั้งถัดไป ทางที่สอง ประกาศจุดยืนการเป็นตัวแทนของพลังใหม่ในสังคมไทย รณรงค์หาเสียงยืนหยัดมั่นคง ชัดเจน เป็นต้น ต้องแสดงจุดยืนของตนให้แจ่มชัด ให้แตกต่างจากทุกพรรค ขีดเส้นแบ่งใหม่ “พลังเก่า” และ “พลังใหม่”
“ก.ก. ต้องรณรงค์ขีดเส้นแบ่ง พลังเก่า vs พลังใหม่ ให้ประชาชนเชื่อ หวังเห็นความเป็นไปได้แบบใหม่ๆ มิใช่ถูกบังคับให้ต้องเลือกระหว่าง แลนด์สไลด์แบบเพื่อไทย กับประยุทธ์และพวก ระหว่างขอเป็นรัฐบาลก่อน เพื่อเข้าไปแก้ปัญหาปากท้อง อย่างอื่นค่อยว่ากัน หาก ก.ก. ทำได้อาจเป็นตัวชี้ขาดสำคัญ ส่งทะยานให้ ก.ก. มีจำนวน ส.ส. เพิ่ม มีคะแนนนิยมเพิ่ม ประชาชนที่ไม่ต้องการทนกับแบบเดิม ก็อาจตัดสินใจเปลี่ยนใจลงคะแนนให้ ก.ก. ทั้ง 2 ใบ ดีกว่าไปฝันกลางอากาศ กั๊กไปกั๊กมา ไม่เอาสักทาง แล้วให้ได้ ส.ส. มาจำนวนหนึ่ง เพื่อเกาะเป็นรัฐบาล ซึ่งไม่รู้จะได้เป็นหรือไม่ หาเสียงรณรงค์ให้เต็มที่แบบไม่กั๊ก ผลเลือกตั้งจะเป็นตัวบ่งชี้เองว่า จะได้เป็นรัฐบาลหรือไม่ อยู่ที่มองการเลือกตั้ง 66 แบบไหน ต้องการวางยุทธศาสตร์และตำแหน่งแห่งที่ของพรรคอย่างไร ก.ก. ต้องตัดสินใจ” นายปิยบุตร ระบุ