เรียนคุณหมอ ดร.โอ สุขุมวิท 51 ที่นับถือ

ปัจจุบันผมอายุ 64 ปี  ป่วยเป็นเบาหวานมามากกว่า 7 ปีได้แล้ว ที่ผ่านมาระดับน้ำตาลก็คุมได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ก็พยายามเข้าพบแพทย์ตามนัดอยู่เสมอ กินยาไม่ให้ขาด เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาอยู่ ๆ มีอาการอาเจียนและช็อกต้องหามส่งโรงพยาบาล หมอบอกสงสัยว่าจะมีอาการเส้นเลือดในสมองตีบเพราะไม่สามารถยกแขนได้ จึงได้ทำการเอกซเรย์ พบว่าเส้นเลือดที่สมองเริ่มตีบแล้ว หมอจึงให้ยามากินอีกตัว ทุกวันนี้ก็ยังกินอยู่ หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลครั้งนั้นแล้ว ก็ไม่สามารถร่วมเพศกับภรรยาได้ เพราะอวัยวะเพศไม่แข็งตัว แต่ด้วยมีหลายโรครุมเร้าจึงไม่กล้าซื้อยากินเอง จึงอยากปรึกษาคุณหมอโอ เพื่อหาแนวทางในการรักษาตัวให้ได้กลับมามีความสุขอีกครั้ง

ด้วยความนับถือ
จรัล 64

ตอบ จรัล 64

อาการเส้นเลือดตีบในสมอง เป็นสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมอง พบได้ประมาณ 80% เกิดได้จากลิ่มเลือดที่เกิดขึ้นในบริเวณอื่นไหลไปตามกระแสเลือดจนไปอุดตันที่หลอดเลือดสมอง หรืออาจเกิดจากมีลิ่มเลือดก่อตัวในหลอดเลือดสมอง และขยายขนาดใหญ่ขึ้นจนอุดตันหลอดเลือดสมอง ส่วนสาเหตุของหลอดเลือดสมองตีบอาจเกิดจากการสะสมของไขมันในหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดตีบแคบ มีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพในการลำเลียงเลือดลดลง ซึ่งโรคเบาหวาน ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้หลอดเลือดแข็งทั่วร่างกาย หากเกิดที่สมองจะมีโอกาสเป็นโรคหลอดเลือดสมองมากกว่าคนปกติ 2-3 เท่า

การไหลเวียนของเลือดเข้าสู่องคชาตก็ลดน้อยลง จึงทำให้เกิดการแข็งตัวไม่เต็มที่ จนไม่สามารถร่วมเพศได้ ปัจจุบันมีการฟื้นฟูอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศในผู้ที่เป็นเบาหวานเรื้อรัง ที่มีทั้งแบบไม่ใช้ยา และแบบใช้ยา แบบที่ไม่ใช้ยานั้นต้องอาศัยการบริหารกล้ามเนื้อเพศ ควบคู่กับการยิงคลื่นเสียงความถี่ต่ำ ไปยังเส้นเลือดที่องคชาต เพื่อกระตุ้นให้มีการสร้างเส้นเลือดใหม่ที่ไม่แข็งตัวเพิ่มมากขึ้น ควบคู่กับการทำให้กล้ามเนื้อเพศแข็งแรงจากการที่เพิ่มการไหลเวียนเลือดเข้าไปหล่อเลี้ยงเซลล์กล้ามเนื้อเพศ วิธีนี้มีความปลอดภัยและไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ แก่คนไข้

สำหรับวิธีการใช้ยานั้นมีทั้งยาฟื้นฟูหลอดเลือด ควบคู่กับการใช้ยาเฉพาะกิจ หากต้องการให้เกิดการแข็งตัวที่รวดเร็วภายใน 5-10 นาที ก็สามารถใช้ยากระตุ้นเฉพาะจุดซึ่งจะได้ผลที่ดีมากในผู้ที่เป็นเบาหวานมานานกว่า 5 ปี การรักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศจากเบาหวานไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพียงแค่คนไข้กล้าที่จะเข้ารับการตรวจร่างกายจากแพทย์ก่อนเพราะยาแต่ละชนิดย่อมมีผลข้างเคียงต่อตัวคนไข้แต่ละรายไม่เหมือนกัน.