ขณะที่เรื่อง “ความสัมพันธ์ทางเพศ” ก็เกิดค่านิยม “แซ่บนิยม” รูปแบบใหม่ ๆ ในลักษณะ “สัมพันธ์ชั่วคราว” หลาย ๆ รูปแบบ แต่กระนั้น…กับกรณี “ชู้” หรือ “กิ๊ก” ที่มีสัมพันธ์ลึกซึ้ง กรณีเช่นนี้ระหว่างชาย-หญิงนั้น “ในสังคมไทยก็ยังมีอยู่!!”…

คำว่า “ชู้” นั้นยึดโยงคำว่า “นอกใจ”

“ศาสตร์จิตใจ” ก็ “ตอบโจทย์กรณีชู้”

“ชู้” นี่ “แง่มุมเชิงจิตวิทยาก็น่าพินิจ”…

ทั้งนี้ ก่อนอื่นพลิกแฟ้มดู “ปรากฏการณ์ความสัมพันธ์ทางเพศยุคใหม่” ยุคนี้…จากที่ “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” เคยสะท้อนต่อข้อมูลไว้ จากบทความวิชาการที่มีการเผยแพร่ไว้ทาง www.theprachakorn.com บทความ “สัมพันธ์คู่ชั่วคราวในสังคมยุคดิจิทัล : ว่าด้วยเรื่องของเศรษฐศาสตร์” โดย ถิรวัฒน์ วรรณพฤกษ์ นักศึกษาปริญญาโท สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ได้ศึกษาวิเคราะห์และสะท้อนไว้ โดยสังเขปมีว่า… แนวคิดการเลือกใช้ชีวิตคู่ของคนรุ่นใหม่มีการแสดงพฤติกรรมเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว (self-interested behavior) บางประการออกมาผ่านสัมพันธ์รูปแบบต่าง ๆ ที่เลือก ซึ่ง “ความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัด” กำลังเป็น “เทรนด์สำคัญ” ของคนหนุ่มสาวสถานะโสดยุคนี้ ที่แม้บางคู่จะไม่ต้องการนิยามความสัมพันธ์ของตน แต่ถึงกระนั้นก็มี “นิยาม” และ “คำเรียก” เกี่ยวกับ “ความสัมพันธ์ระยะสั้น” ที่เกิดขึ้น

ปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้ สามารถจะ “จำแนก” เกี่ยวกับรูปแบบได้ “ตามความคุ้นเคย” และ “ตามจำนวนครั้งในการมีเซ็กซ์” เป็น 3 รูปแบบหลัก ๆ ดังนี้คือ… 1.แบบ “One-night Stands (ONS)” หรืออาจเรียกว่าแบบ “คู่นอนคืนเดียว” หมายถึงการมีเซ็กซ์ครั้งเดียวกับคนแปลกหน้า หรือคนที่เพิ่งรู้จัก หรือคนที่รู้จักกันน้อยมาก แล้วต่างก็แยกย้ายจากกันไปโดยไม่มีการติดต่อกันอีก แบบถัดมา… 2.แบบ “Booty Call” หรือแบบ “นัดยิ้มพิมพ์ใจ” หมายถึงมีสัมพันธ์กับคนที่ไม่คุ้นเคยกันจำนวนมากกว่า 1 ครั้ง ซึ่งอาจพัฒนามาจากแบบ ONS ก็ได้ และก็อาจพัฒนาเป็นสัมพันธ์อีกรูปแบบคือ… 3.แบบ “Friend with Benefits (FWB)” หรือ “Sex Buddy” หรือ “คู่นอนประจำ” ก็ได้ ซึ่งแบบหลังนี่หมายถึงการมีเซ็กซ์มีสัมพันธ์แบบที่ทั้งสองฝ่ายต่างมีความคุ้นเคยกัน หรืออาจรู้จักกันมาก่อน โดยที่ ต่างคนต่างยังสถานะโสด เพื่อจะได้ไม่เป็น “มือที่ 3” ของใคร

เหล่านี้เป็น “ปรากฏการณ์เซ็กซ์ยุคใหม่”

ส่วน “ชู้” ดูจะเป็น “เรื่องของคนรุ่นเก่า”

ทั้งนี้ กล่าวสำหรับกรณี “ชู้” หรือ “กิ๊ก” ที่มีสัมพันธ์ลึกซึ้ง…กับศาสตร์ด้านจิตใจหรือใน “มุมจิตวิทยา” นั้น..ในภาพรวมทั่ว ๆ ไปมิได้เฉพาะเจาะจงที่เคสใด-คู่ใด ทางนักจิตวิทยาคือ ดร.วัลลภ ปิยะมโนธรรม ได้สะท้อนกับ “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” มาว่า…“ก่อนอื่นต้องบอกว่าเรื่องของการมีชู้นั้นเมืองไทยติดอันดับต้น ๆ!!…ความรักทุกวันนี้ไม่ได้เป็นความรักแต่เป็นความใคร่” ซึ่งเรื่องการ “นอกใจ-มีชู้” นั้นก็มีหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น… การมี ปัญหาเรื่องความต้องการทางเพศ เมื่อคู่ไม่สามารถตอบสนองความต้องการทางเพศได้ ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มีการมองหาคนอื่น ๆ เพื่อมาตอบสนอง

หรือบางเคสก็อาจจะมีสาเหตุจาก ปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ทั่วไป หรือการถูกละเลยจากคู่ เกิดความโดดเดี่ยวอ้างว้าง ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการมีชู้ได้ จากการหาใครสักคนมาช่วยเติมเต็มความเหงา นอกจากนี้ บางเคสก็อาจจะมีสาเหตุจากการ อยากแก้แค้น คือถูกคู่ของตนนอกใจไปมีชู้ก่อน จนเกิดความโกรธ เกิดความแค้น จนมีการทำแบบเดียวกัน

ทางนักจิตวิทยายังสะท้อนอีกว่า… ในเชิงจิตวิทยา สำหรับ “ผู้ชาย” เรื่องการ “มีชู้” มักเป็นเรื่องของการมีความต้องการ มีความอยากได้อยากครอบครองผู้หญิงที่ชอบ นี่เป็นนิสัยผู้ชายที่ “เกิดจากความมักมาก…ไม่พอ!!” และหากได้ครอบครองก็จะรู้สึกเหมือนได้รับชัยชนะ ขณะที่ “ผู้หญิง” นั้น ปัจจุบันก็เกิดการนอกใจมากขึ้น เพราะโลกเปิดกว้าง สามารถจะทำอะไรได้เหมือนผู้ชาย และ “ปล่อยตัวมากขึ้น” ซึ่งผู้หญิงเองก็มีความต้องการ บางคนเมื่อฝ่ายชายก็ไม่ได้ทำให้มีความสุข เรื่องของเพศสัมพันธ์ หรือเรื่องทางใจ ก็อาจเกิดการ “มีชู้” หรือบางคนก็อาจเกิดจากการต้องการคนแปลก ๆ ใหม่ ๆ เหมือนที่ผู้ชายต้องการ และผู้หญิงบางคนก็อาจมองว่าเมื่อผู้ชายทำ…ผู้หญิงก็ทำได้เหมือนกัน สามีไปมีชู้…ภรรยาก็มีได้เหมือนกัน

“ผู้ชาย” นั้น กับประเด็นที่ว่า… “ทำไมมีชู้กับผู้หญิงที่มีครอบครัวอยู่แล้ว??” ประเด็นนี้ทาง ดร.วัลลภ ปิยะมโนธรรม ระบุว่า… จริง ๆ ผู้ชายก็อาจไม่ได้เลือกว่าผู้หญิงนั้นมีครอบครัวแล้วหรือไม่ แค่ชอบและต้องการที่จะได้ แล้วฝ่ายผู้หญิงเองก็มีใจ ก็เล่นด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้ชายที่มีชู้ ที่ได้ผู้หญิงที่มีครอบครัวแล้ว ก็อาจจะรู้สึกเหมือนได้รับชัยชนะ รู้สึกเหนือกว่าสามีของผู้หญิง ที่สามารถทำให้ผู้หญิงที่มีสามีอยู่แล้วมาหลงรัก หรือสามารถสร้างความสุขให้ได้มากกว่าสามีของผู้หญิง

ส่วน “ผู้หญิง” ถามว่า… “ทำไมชอบผู้ชายมีครอบครัวแล้ว? หรือสูงวัย?” นักจิตวิทยาคนเดิมบอกว่า… ก็เพราะอาจมองว่าจะรับผิดชอบตนเองได้ ยิ่งผู้ชายมีเงินทอง มีอำนาจ ก็อาจยิ่งชอบ เพราะต้องการที่จะหาคนที่สามารถพึ่งพิงได้

นี่เป็น “จิตวิทยา” ที่ “ตอบโจทย์กรณีชู้”

ย้ำว่า “มิใช่การบ่งชี้เฉพาะเจาะจงคู่ใด”

ก็เพียง “ถอดรหัสด้านจิต” กรณี “ชู้!!”.