ขึ้นแท่นหนุ่มฮอตที่มีผลงานอย่างต่อเนื่อง สำหรับหนุ่ม โบ๊ท-ธารา ทิพา ที่ล่าสุดเจ้าตัวกำลังพิสูจน์ฝีมืออีกครั้งในละคร “ปีศาจแสนกล” ทางช่อง 3 ที่ได้ถ่ายทอดถึง 2 คาแรกเตอร์ ในบท “พรต” หนุ่มธรรมะธัมโม รวมถึงบทเจ้าชู้ขี้เล่น ในคาแรกเตอร์ “ผีทองห่อ” งานนี้ “บันเทิงเดลินิวส์” ไม่พลาดไปพูดคุยกับหนุ่มคนนี้ ทั้งเรื่องผลงานล่าสุด และการเปิดใจแสดงซีรีส์วายครั้งแรก “Golden Blood รักมันมหาศาล” ซึ่งได้รับกระแสตอบรับอย่างดี ทำให้ยอดฟอลโลว์ในไอจีส่วนตัวเพิ่มขึ้นราวสี่หมื่นแอคเคานท์ รวมถึงเส้นทางในวงการบันเทิงตลอด 10 ปี และแพสชั่นในการทำงาน ที่สำคัญพลาดไม่ได้กับการอัพเดทเรื่องหัวใจด้วย!

รับบทท้าทายใน “ปีศาจแสนกล”

Q : อัพเดทผลงานล่าสุด “ปีศาจแสนกล” ในบท “พรต” เตรียมตัวมารับบทนี้ยังไง?

โบ๊ท : ในเรื่องนี้ ‘พรต’ จะโดนเรียกว่าพ่อมหา เป็นคนที่รักษาศีลชัดเจนมาก ธรรมะธัมโม อยู่ในศีลธรรม เป็นคนบ้าน ๆ ซื่อ ๆ รักษากฎตลอดเวลา สำหรับการเตรียมตัวมาเล่นเรื่องนี้ ในส่วนของคาแรกเตอร์ ‘พรต’ ไม่ได้มีอะไรยากเป็นพิเศษ แค่ทำความเข้าใจตัวละคร แต่ที่ต้องทำการบ้านเพิ่มเติมเป็นพิเศษของเรื่องนี้คือ มันเป็นการเล่นคอมเมดี้เรื่องแรกของผมครับ และก็เป็นอย่างที่คิด เพราะผมเคยได้ยินมาว่าคอมเมดี้ จังหวะการแสดงจะไม่เหมือนกับละครประเภทอื่น เลยต้องทำความเข้าใจค่อนข้างเยอะมาก ๆ ในการถ่ายทำช่วงแรก รวมถึงเราต้องเล่นเป็น 2 คาแรกเตอร์ด้วย ซึ่งไม่ใช่คาแรกเตอร์ที่เราตีความเอง เพราะว่าเราต้องถูกผี ‘ทองห่อ’ เข้าสิง มันเป็นคาแรกเตอร์ของคนอื่นที่ต้องมาเข้าสิงเรา เพราะฉะนั้น เราต้องไปก๊อบปี้แคสต์เขา ไปเล่นตามเขา แต่โชคดีที่คุณ ‘ทองห่อ’ รับบทโดยพี่เกี๊ยก วัทธิกร ผมกับพี่เกี๊ยกก็สนิทกัน เลยง่ายขึ้นในการที่จะทำงาน ตีความและพัฒนาตัวละครร่วมกัน เราก็ดูว่าใครเล่นยังไง แล้วเราต้องเล่นยังไง ต้องทำงานยังไงบ้าง

Q :  ด้วยความเป็นรีเมค  ได้ดูเวอร์ชั่นเก่าบ้างมั้ย?

โบ๊ท : ตอนนั้นพี่ฟิล์ม รัฐภูมิ และพี่ก้อย รัชวิน เล่น ส่วน ‘ผีทองห่อ’ คือพี่หนุ่ม กรรชัย จริง ๆ ผมเคยดูตอนเด็กและชอบละครเรื่องนี้มากด้วย แต่เราก็ลืม ๆ ไปแล้ว มีแค่ภาพจำบางซีน ก็มีการกลับไปดูความสนุกสนานของเขา มันเป็นยังไง แต่ตอนแรกแอบไม่กล้ากลับไปดู เพราะกลัวจะจำภาพของพี่ฟิล์มและพี่หนุ่มว่าเขาเล่นกันยังไง แล้วเรามาเล่นตาม มันจะไม่ดีรึเปล่า แต่พอดูปุ๊บก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะเวอร์ชั่นที่แล้ว ก็นานเป็นสิบปีแล้ว ด้วยบริบทของปัจจุบัน มันต้องถ่ายทอดไปอีกแบบนึง เลยไม่มีปัญหาครับ

Q : นอกจาก 2 คาแรกเตอร์ที่ต่างกันสุดขั้ว สิ่งที่ท้าทายสำหรับเรื่องนี้คืออะไร

โบ๊ท : เรื่องของคอมเมดี้ เพราะผมไม่เคยเล่นคอเมดี้มาก่อน มันท้าทายตรงที่ต้องทำความเข้าใจ ต้องปรับตัว เพราะว่าจริง ๆ ช่วงแรกก็มีปัญหา รู้สึกไม่เชื่อ ไม่ค่อยสบายใจให้ตัวละครทำในสิ่งที่ไม่ควรทำในปกติ แต่พอมาเป็นคอมเมดี้ ด้วยภาพ ด้วยจังหวะ และหลายอย่างที่มันต้องเล่าเรื่องออกมาเป็นแนวคอมเมดี้ เราต้องไปทำความเข้าใจเยอะมาก ว่ามันเป็นแบบนี้เพราะอะไร มันอาจไม่มีเหตุผลในปกติ แต่มันสมเหตุผลในการเป็นคอมเมดี้ ก็จะเป็นความท้าทายในช่วงแรก พอเราเข้าใจ มันกลับเป็นผลดีมาก ๆ เลย เพราะเราจะไม่มาตั้งคำถาม จะไม่มานั่งเครียด กลายเป็นเราจะสนุกมาก ๆ ในการที่เราจะทำงานและพัฒนาตัวละคร

Q : มีไปดูเรฟเฟอเรนซ์ ในเรื่องการแสดงและจังหวะคอมเมดี้ จากใครบ้างมั้ย?

โบ๊ท : ไม่ครับ เพราะจริง ๆ แอบต้องการให้มันมีความสดใหม่ และมีความเป็นออริจินัลของเวอร์ชั่นนี้ รวมทั้งเป็นออริจินัลของผมด้วยในการถ่ายทอดออกไป เคยมีแอบไปดูบ้าง แล้วพอเราก็ลองมาทำการบ้าน ลองมาชั่งน้ำหนัก ก็คิดว่ามันไม่จำเป็นก็ได้ จริง ๆ เราพาตัวละครไปได้ เราพาเรื่องราวต่าง ๆ ไปได้ด้วยตัวละครของเราเอง เลยไม่ได้ดูอะไรเป็นเรฟเฟอเรนซ์เพิ่มเติม ให้ทุกอย่างมันพาไป

Q :  สำหรับคาแรกเตอร์ “พรต”  มีตรงไหนที่ “โบ๊ท” รู้สึกรีเลท (Relate) ทำให้ถ่ายทอดเขาได้ง่าย และตรงไหนที่รู้สึกว่ายากในการถ่ายทอดคาแรกเตอร์นี้?

โบ๊ท : จริง ๆ มีจุดที่รีเลท เข้าถึงได้ง่าย พูดแล้วดูเป็นคนดี คือเรื่องเกี่ยวกับธรรมะ (หัวเราะ) เรื่องศีล เราก็โตมากับวัด กับการปฏิบัติ คุณพ่อคุณแม่ก็ปลูกฝังมา ด้วยตัวละครเป็นแบบนั้นค่อนข้างชัดเจน เราเลยเข้าใจว่าคนที่เขาคิดแบบนี้ เขาต้องมีอินเนอร์หรือความเข้าใจประมารไหน รวมถึงความซื่อ ๆ ของเขาด้วย เมื่อก่อนนี้ผมก็ซื่อ ๆ แบบ ‘พรต’ เลยครับ เป็นคนขี้เกรงใจ เป็นคนตัวเล็ก ๆ ไม่ค่อยกล้าแสดงออก เป็นคนยอมในทุกอย่าง เราเลยอ๋อ ‘พรต’ เขาเหมือนเวอร์ชั่นผมประมาณ 70-80  ก่อนหน้านี้ ตอนที่เรายังเด็กอยู่ เลยค่อนข้างอินง่ายและเข้าใจ ส่วนเวลาที่ผี ‘ทองห่อ’ มาสิง ก็จะเหมือนพาร์ททะเล้นของผม ก็รีเลทได้เหมือนกัน เป็นการปล่อยของ ปลดปล่อยในอีกมมุมนึง อีกคาแรกเตอร์นึงที่ทุกคน ถ้าไม่เคยเจอผมตัวจริง หรือพูดคุยกันจริง ๆ จะไม่เคยเห็นผมมุมนี้มาก่อน ซึ่งก็เป็นความสนุกสนาน รวมทั้งยังเป็นคาแรกเตอร์ที่ไม่ใช่แค่ผมที่ดีไซน์ขึ้นมาคนเดียว แต่มีพี่เกี๊ยกด้วย เพราะเขาเป็นเจ้าของคาแรกเตอร์แล้วผมไปก็อปปี้แคสต์เขามากอีกที พี่เกี๊ยกจริง ๆ เขาก็เป็นคนนิ่ง ๆ แต่เขาก็มีความกวน มีความทะเล้นของเขาในตัวเอง ก็เลยเป็นความสนุกที่เราจะค้นหาตัวละครร่วมกัน ถ้าเป็นตัวละคร ‘ผีทองห่อ’ จะเป็นความผสม ระหว่างผมกับพี่เกี๊ยกครับ   

Q :  คาดหวังกับผลงานชิ้นนี้ไว้ยังไง อยากให้คนจดจำ “พรต” ในเวอร์ชั่นของเรา แบบไหน?

โบ๊ท : ไม่ได้คาดหวังเลยครับว่าคนจะจดจำยังไง เพราะผมก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคนจะจดจำยังไง ผมยังไม่แน่ใจเลยว่าผมจะจดจำยังไง ผมก็มารีเช็กตัวเองในฐานะที่วางตัวเองเป็นคนดู ผมยังดูไม่ออกว่าคนดูหรือเราเองจะจดจำคาแรกเตอร์นี้ยังไง ซึ่งมันก็เป็นความสนุกเหมือนกันนะ เพราะตอนเราเล่นไป มันหลากหลายมากจริง ๆ ครับ ด้วยเรื่องราวที่เกิดขึ้น ด้วยการที่เราอิมโพรไวซ์ ด้นสดหน้ากองถ่าย การพัฒนาตัวละคร ระหว่างผมกับพี่เกี๊ยกและผู้กำกับมาคุยกัน มันบียอนด์ เหนือจินตนาการไปเรื่อย ๆ เพราะนั้นพอตัดต่อเป็นเรื่องราวออกมา ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันมันจะเป็นยังไง แต่ที่แน่ใจคือมันต้องสนุกมากแน่ ๆ ครับ

Q : ได้เรียนรู้อะไรจากตัวละคร “พรต” และการถ่ายทำครั้งนี้มากที่สุด?

โบ๊ท : ได้เรียนรู้เยอะมาก ๆ ครับ คือเป็นแนวที่เราไม่เคยเล่นมาก่อน ก็เป็นประสบการณ์ที่อยากจะเล่นอยู่แล้ว และเป็นประสบการณ์ที่ดีที่เราได้เล่น รวมถึงเพื่อนร่วมงาน นักแสดงทุกคน ในเรื่องนี้นักแสดงรุ่นใหญ่เยอะมาก ๆ เป็นปรมาจารย์ด้านคอมเมดี้อยู่แล้ว เช่น พี่ต้น จักรกฤษณ์ พี่ท็อป ดารณีนุช พี่เกริก เป็นต้น ทุกคนมืออาชีพและเจนในด้านนี้กันมาก ๆ อยู่แล้ว เหมือนคุณครู หรือพ่อแม่พาเรามาเที่ยวสวนสนุก และสนุกสนานมาก ๆ เป็นอีกความทรงจำดี ๆ นึงที่ได้จากการทำงานครั้งนี้ครับผม

Q : ร่วมงานกับ “ลาล่า-ลาริสา” และ “เกี๊ยก” เป็นยังไง มีอะไรประทับใจเล่าให้ฟังบ้าง?

โบ๊ท : กับพี่เกี๊ยกถือเป็นโชคดีครับ ด้วยความที่เราต้องก๊อบปี้แคสต์ และแทบจะต้องแสดงเป็นคน ๆ เดียวกัน พอเราสนิทกันมาก่อน มันเลยมีความง่ายขึ้นในการทำงาน เราเคยร่วมงานกันมา ก็สนิทกันในระดับนึง และเรายิ่งสนิทกันมากขึ้นในเรื่องนี้ รวมถึงน้องลาล่า เรื่องนี้ถือเป็นการแสดงเรื่องที่ 2 สำหรับน้อง ผมก็เคยร่วมงานมาแล้วใน ‘เพลิงนาคา’ เป็นเรื่องแรกของน้อง คือผลงานสองเรื่องแรกของน้อง ก็มีผมในชีวิตน้องทั้ง 2 เรื่องเลย (หัวเราะ) ก็เลยได้เห็นพัฒนาการ เห็นความตั้งใจของน้องในการทำงานมาตลอด เห็นว่าน้องน่ารัก และเป็นคนที่สู้มาก ๆ น้องจะมีความเป็นลูกครึ่ง จะไม่เก็ทกับวัฒนธรรมของไทยในหลาย ๆ อย่าง รวมถึงภาษาด้วย ต้องแปลเป็นไทยอีกที จะมีกระบวนการในการตีความหรือพูดซับซ้อนมาก บวกกับความที่น้องใหม่อีก ต้องยอมรับว่าน้องสู้จริง ๆ และพยายามพัฒนาตัวเอง เราเองเห็นพัฒนาการของน้องมาโดยตลอด น้องเป็นคนที่น่ารักและตั้งใจทำงานมาก ๆ ครับ

Q : ส่วนตัวเชื่อเรื่องผีมั้ย?

โบ๊ท : ก็เชื่อนะครับ เชื่อว่าสิ่งที่เรามองไม่เห็น วิญญาณ ผมว่ามีอยู่จริง แต่โดยส่วนตัวผมไม่เคยเจอจัง ๆ นะ เลยแบบพูดได้ไม่เต็มปากว่าเราพิสูจน์มาแล้ว แต่ผมว่ามันต้องมีแหละ เพราะเป็นสิ่งที่คนทั่วโลก ทุกประเทศ ทุกวัฒนธรรม แทบจะทุกศาสนาเห็นพ้องต้องกันและพูดถึงสิ่งที่มองไม่เห็นเหล่านี้ มันเป็นไปไม่ได้เลย หรือเป็นไปได้ยากมาก ถ้าสิ่งนี้ไม่มีอยู่แล้วทำไมทุกคนถึงพูดถึง

Q : ถ้ามีปีศาจมาให้โชค แบบ “ทองห่อ” เอามั้ย?

โบ๊ท : ถ้าเจอแบบ ‘ทองห่อ’ เลย ก็ไม่เอาครับ (หัวเราะ) เพราะว่าเขาวุ่นวายมากเลยครับ

Q : แต่เขาให้หวยถูกนะ?

โบ๊ท : แต่มันแลกมาด้วยหลายอย่างมากเลยครับ (หัวเราะ) ผมว่าเขาวุ่นวายจริง ๆ ถึงบอกว่าเขามีคุณประมาณนึง แต่ว่ามีโทษเยอะเหมือนกัน ถ้าให้เลือก และด้วยความที่เรารู้จักตัวละครเขาดี สุดท้ายเขาก็เป็นคนดีนะ ไม่ได้เลวร้าย แต่แค่ช่วงชีวิตช่วงนั้น ถ้าในแง่มุมแย่ ๆ เราอาจพังไปเลย แต่มองในอีกแง่มันอาจสนุกมาก แต่ผมไปของผมเองคนเดียวดีกว่า (หัวเราะ) เดี๋ยวจะบันเทิงเกินไป

Q : นอกจากเสียงหัวเราะแล้ว อยากให้แฟน ๆ ที่เข้ามาดูเรื่องนี้ได้ข้อคิดอะไรออกไปที่สุด?

โบ๊ท : ถ้าเป็นตัว ‘พรต’ เลย ก็จะเป็นเรื่องคุณธรรมและเป็นเรื่องการทำดีต้องได้ดี เรื่องของการที่ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ในส่วนอื่น ๆ ก็คือในการที่ไม่ย่อท้อต่อความรัก จะชัดมาก ๆ ในคู่ของ ‘พรต’ และ ‘ชัชรี’ คือเขาเชื่อมั่นในความรักของเขามาก จนถึงจุดนึงที่หลายอย่างมันมาพิสูจน์ ฝ่าย ‘ชัชรี’ อาจท้อ ไปเชื่อคนอื่น และในตัว ‘พรต’ มีความมั่นคงเหนียวแน่นในความรักของเขามาก ๆ และมันก็เป็นสิ่งที่ดี ที่ทุกคนถ้ามีความรักก็ควรจะมีแบบนี้”

ความสำเร็จกับการแสดงซีรีส์วายครั้งแรก

Q : พูดถึงผลงานก่อนหน้านี้ เห็นได้ไปชิมลางมินิซีรีส์วาย “Golden Blood รักมันมหาศาล” ด้วย?

โบ๊ท : ก็เป็นอีกเรื่องและอีกความท้าทายที่ดีมาก ๆ เป็นประสบการณ์ใหม่มาก ได้กลุ่มคนดู และคนที่เข้ามาติดตามเป็นกลุ่มใหม่เหมือนกัน เรื่องนี้ชาวต่างชาติจะชอบมาก ๆ เลย

Q : อะไรทำให้เราลองตัดสินใจรับงานซีรี่ส์วายเป็นครั้งแรก?

โบ๊ท : ผมชอบลองอะไรใหม่ ๆ ครับ และมันท้าทายดี ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ที่ไว้ใจเรา และเล็งเห็นบางอย่างในตัวเรา เลยมอบหมายงานนี้ให้ ด้วยความที่ผู้ใหญ่ไว้ใจและให้โอกาสเรา เราก็อยากรับไว้และทำให้เต็มที่ที่สุด

Q : พอได้แสดงเรื่องนี้ ทำให้เราได้เรียนรู้ หรือเปิดมุมมองด้านไหนเป็นพิเศษมั้ย?

โบ๊ท : จริง ๆ เคยมองภาพไว้ครับว่าซีรี่ส์วายเขาต้องตีความยังไง แต่ผมยังไม่ได้เจาะลึก ก็คิดลอย ๆ คร่าว  ๆ ว่ามันเหมือนปกติมั้ยนะ พอได้ไปสัมผัสจริง ๆ ก็คือปกติเลย เหมือนการทำงานปกติร้อยเปอร์เซ็นต์ การตีความตัวละครมันเหมือนกันหมด แค่คู่ของนักแสดงหลักเป็นชายและชายเท่านั้นเอง คาแรกเตอร์ก็มีเหตุและผล มีความรู้สึกของเขาเหมือนกันครับ

Q : ในเรื่องของมุมมองความรัก พอได้ไปถ่ายทอดบทนี้ ทำให้เราเข้าใจมุมมองของ “LGBTQ” มากขึ้นมั้ย หรือเราเข้าใจตรงนี้มาก่อนมากน้อยแค่ไหน?

โบ๊ท : จริง ๆ ผมเข้าใจอยู่แล้วนะครับ เลยไม่ได้มีปัญหาหรือเครียด เพราะถ้าผมไม่เข้าใจ หรือมีความต่อต้าน ผมอาจกังวลหรืออาจไม่รับ แต่เข้าใจอยู่แล้วว่ามันเป็นยังไง แล้วเหมือนเราได้ลงไปสัมผัสหรือใช้ชีวิตในมุมมองความรักแบบนั้นมากขึ้นมากกว่า เราเห็นความรู้สึกนึกคิด รวมถึงเห็นภาพชัดขึ้นว่า ความรักจริง ๆ แล้วไม่ได้จำเป็นต้องมีอะไรมาแบ่งกั้น ไม่จำเป็นต้องมีกรอบ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเพศ ฐานะ อะไรใด ๆ พอมันขึ้นชื่อว่าเป็นความรู้สึกของคน เป็นความรักที่มันมีให้กัน มันแค่ก็พอ มันไม่ต้องมีอะไรมาตีกรอบหรือกำหนด

Q : เรื่องเลิฟซีนกับ “กัน ณภัทร” ต้องทำการบ้านหรือต้องปรับจูนเคมีกันยังไง ให้แฟน ๆ ได้ฟินแบบนี้?

โบ๊ท : ไม่มีเลยครับ ใส่เลยครับ (หัวเราะ) คุยกันแต่แรกแล้วว่าจะยังไง แต่จริง ๆ ก็ไม่ได้คุยมาก เพราะว่าพอคาแรกเตอร์มันเป็นจุดเชื่อมระหว่างเราสองคน มันก็ยิ่งง่ายในการที่จะเล่นบทต่าง ๆ รวมถึงฉากเลิฟซีน เพราะมันแทบจะเป็นคาแรกเตอร์ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยครับ มันจะไม่มีตัวเรา ปล่อยตัว ‘ซัน’ กับ ‘สกาย’ เขาแสดงความรู้สึกต่อกันไป ไม่ได้เตี๊ยมกัน ก็โฟลว์ ๆ ตามฟีลไป ปล่อยไหลตามอารมณ์ไปครับ ก่อนเล่นก็ไม่รู้ว่าแต่ละฉากมันจะไปถึงไหน เราก็ติดตามตัวละครว่ามันจะไปถึงไหน ถ้าเลิฟซีนมันจะเล่นถึงไหน (หัวเราะ)

Q :  ร่วมงานกับ “กัน ณภัทร”   มีอะไรประทับใจเราให้ฟังบ้างมั้ย ?

โบ๊ท : กันเป็นน้องที่น่ารัก ตั้งใจทำงาน น้องก็จะเหมือนรุ่นพี่ในการทำงานผมนะ (ยิ้ม) เพราะน้องเคยเล่นซีรี่ส์วายมาก่อน ก็สนุกดี เป็นการแลกประสบการณ์กัน ของผมก็จะทำงานเกี่ยวกับการแสดงในวงการมานานประมาณนึง น้องก็ปรึกษาผมในเรื่องการตีความ มุมกล้อง การทำงานโปรดักชั่น ผมก็จะปรึกษาน้องในเรื่องการวางตัวหรือสเต็ปต่อจากนี้ ซีรี่ส์วายจะเป็นยังไงต่อ แฟนคลับจะเข้ามายังไง เราต้องทำตัวยังไง ต้องมีอะไรพิเศษมั้ย ก็ขอคำปรึกษากับน้องเยอะเหมือนกัน ก็เป็นการแลกเปลี่ยนกัน การทำงานก็สนุกสนาน ตอนแรกที่เจอกันแอบกังวล เพราะไลฟ์สไตล์ คาแรกเตอร์ของราทั้งคู่แตกต่างกันมาก ชอบอะไรก็ไม่เหมือนกัน แฟชั่นการแต่งตัวก็ไม่เหมือนกัน นิสัยก็ไม่เหมือนกัน เคมีก็ไม่เข้ากัน โชคดีที่มาปลดล็อคในวันฟิตติ้ง ได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น ซึ่งต้องให้คาแรกเตอร์ในเรื่องสานสัมพันธ์ระหว่างเราสองคน (หัวเราะ) พอเราไม่ได้เป็นตัวเรา เราเป็นตัวละครอยู่ด้วยกัน เคมีเขาเข้ากันมาก มันก็เลยพาให้เราสองคนมีอะไรที่ซิงค์หากันได้เร็วและง่ายมากขึ้น เพราฉะนั้นการทำงานก็เลยแฮปปี้ครับ

Q :  เห็นว่ามีปรึกษาเรื่องการวางตัว “กัน” มีแนะนำตรงไหนให้เราเป็นพิเศษ?

โบ๊ท : ผมสงสัยในเรื่องการเซอร์วิสแฟนคลับครับ ซีรี่ส์วายแฟนคลับจะอินมาก ๆ กว่าละครปกติ ก็เลยแบบมันแตกต่างกันมั้ยในการวางตัว น้องก็บอกว่าไม่ได้แตกต่างอะไร ก็เป็นตัวเรานี่แหละ  การทำอะไรให้แฟนคลับบางทีก็ไม่ต้องพยายาม มันอาจมากเกินไป กันก็เตือน ๆ ว่าเราไม่ต้องไปพยายามนะ เช่น ถ้าผมไม่เข้าใจคงลงรูปคู่กันกับน้องทุกวัน เพื่อเสิร์ฟแฟนครับ น้องก็บอกว่าไม่ถึงขั้นนั้น เป็นธรรมชาติของเรา ตามบริบทของเราไป และแฟนคลับสายวายจริง ๆ น่ารักมาก ๆ และก็พร้อมซัพพอร์ทและให้กำลังใจกับนักแสดงเสมอครับ และส่วนนึงก็จะเป็นต่างชาติด้วย ซึ่งงานที่เข้ามาในช่วงโกลเด้น บลัด  ออนแอร์ก็จะเป็นอะไรที่เปิดโลกผมเหมือนกัน ต้องมีการโปรโมตหลายภาษามาก หลายแพลตฟอร์มก็สนุกดี

Q :  รู้สึกยังไงกับการที่แฟนคลับต่างชาติเพิ่มขึ้น ซัพพอร์ตเราจากบทบาทสายวาย?

โบ๊ท : ก็แฮปปี้ดีครับ สนุกและตื่นเต้นดีเหมือนกัน ปกติเวลาลงรูปมีคอมเมนต์ ผมว่ายอดฟอลโลว์อินสตาแกรมในช่วงที่ซีรีส์ออน 90 เปอร์เซ็นต์ที่เพิ่มเข้ามาเป็นคนต่างชาติ เห็นได้ชัดเจนมากจากคอมเมนต์ บางคนมาจากบราซิล โซนตะวันออกกลาง มาจากจีน มากจากญี่ปุ่น เกาหลี มาจากทั่วโลกเลย เป็นการเปิดตลาดของเรา (หัวเราะ) เราก็มานั่งทำการบ้านเหมือนกันนะ เราจะลงรูปหรือข้อความเขาจะเข้าใจมั้ย ช่วงนี้ก็พยายามลงรูปให้เยอะขึ้น เขาอยู่ห่างไกลเนอะ เผลอ ๆ เขาอาจไม่ได้ดู ‘ปีศาจแสนกล’ ด้วยซ้ำ อาจหาช่องทางในการรับชมยาก อินสตาแกรมหรือช่องทางที่เขาติดตามหลัก ๆ  อาจเป็นสิ่งที่สื่อสารกันระหว่างเรากับเขาครับ

Q :  ติดใจซีรี่ส์วายมั้ย?

โบ๊ท : ก็ติดใจนะครับ ก็เป็นอีกเวย์นึงที่สนุกดี ทั้งในเชิงการทำงาน การได้เจอแฟนคลับกลุ่มใหม่ ๆ ก็เป็นอีกแบบนึงเลยที่สนุกสนานและมีความสุขมาก ถ้าในอนาคตถ้ามีโอกาสก็ไม่ติด ยินดีมาก ๆ (ยิ้ม)

10 ปีในวงการ และมุมมอง “รางวัล” ของคนบันเทิง

Q :  อัพเดทผลงานต่อไป มีอะไรอีกมั้ย?

โบ๊ท : จริง ๆ มีโปรเจคท์ละครเรื่อย ๆ กับทางช่อง 3 แต่ช่วงนี้ด้วยสถานการณ์ อาจจะยังทำการถ่ายทำไม่ได้ แต่มีให้ติดตามแน่นอน แต่ยังบอกไม่ได้ว่าเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร คาแรกเตอร์ไหน และช่วงนี้ก็มีทำเพลง เพราะเป็นคนชอบเกี่ยวกับเรื่องเพลงมาก ๆ ตั้งแต่เด็กแล้ว ช่วงก็กำลังทำเพลงอยู่ ฝากทุกคนเป็นกำลังใจและติดตามด้วย จะพยายามปล่อยให้ได้ภายในปีนี้ ซึ่งจะเป็นเพลงช้า ๆ แนวเกี่ยวกับความรัก อกหักหน่อย แต่จะเป็นการถ่ายทอด เป็นสไตล์ ก็แอบตื่นเต้นเหมือนกันว่ามันจะออกมาเป็นยังไง ผมก็ค่อนข้างมีความยูนีค มีสไตล์ของตัวเองในการร้อง ก็ต้องมาดูว่าคนจะชอบมั้ย แอบตื่นเต้นเหมือนกัน (หัวเราะ)

Q :  อยู่วงการมา 10 ปีแล้ว คิดว่าตัวเองมีอะไรที่เติบโตจากวันแรกที่เห็นได้ชัดบ้างมั้ย?

โบ๊ท : จริง ๆ ผมว่าเติบโตทุกวันเลยนะ ในการทำงานจริง ๆ มันทำให้เราโตขึ้นและโตเร็วมาก ๆ เพราะเราได้เจอผู้คน นอกจากเจอผู้คนที่ในการทำงานที่เขามีแพสชั่น มีความรู้ความสามารถและมันถ่ายทอดมาถึงเราแล้ว เรายังได้เจอกับตัวละครที่เราต้องลงไปรู้จักเขาจริง ๆ ว่าเขารู้สึกนึกคิด และประสบการณ์ที่ผ่านมาเขาเป็นยังไง เราเลยได้เห็นแง่มุมลึก ๆ จริง ๆ ของตัวละคร ในเหมือนได้รู้จักคน ๆ นึงจนถึงก้นบึ้งหัวใจของเขา เราอาจเหมือนรู้จักคนมากขึ้นและทำให้เราโตขึ้นด้วย เพราะทัศนคติ การใช้ชีวิตของเรา มันก็จะแบบคิดเยอะขึ้น มีประสบการณ์มากขึ้น แต่ว่ามันก็ยังมีสิ่งที่ตื่นเต้นท้าทาย และทำเราโตขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกวันอยู่ดีครับ

Q :  ผ่านประสบการณ์ 10 ปี ณ วันนี้ มีมุมมองต่อคำว่า “นักแสดง” ยังไง?

โบ๊ท : นักแสดงเป็นคนที่ถ่ายทอดชีวิต หรือคาแรกเตอร์นึงให้ออกมาดีที่สุดครับ แต่สำหรับผม อยากใช้แทนตัวเองว่าเป็น ‘ศิลปิน’ มากกว่า เพราะผมไม่ได้ชอบแค่การแสดง อะไรที่เป็นศาสตร์เกี่ยวกับความบันเทิงผมก็ชอบหมด อยากจะทำ ก็จะใช้คำว่า ‘ศิลปิน’ ดูรวม ๆ กว่าครับ

Q :  คิดว่า “รางวัล” ของคนที่อยู่ในวงการบันเทิง คืออะไร?

โบ๊ท : คือความสุขในการทำงานครับ ถ้าเราทำสิ่งนี้และเป็นสิ่งที่เราชอบและเรามีความสุขด้วย ผมว่ามันก็ประสบความสำเร็จแล้ว จริง ๆ คนเรามันก็ไม่ได้อะไรไปมากกว่าความไม่มีความทุกข์ ความสบายใจ ความสุข รวมถึงสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง รวมทั้งอาชีพนี้ มันก็ทำให้เรามีทุกอย่าง ถ้าเราชอบมันจริง ๆ ถ้าเราเป็นนักแสดงก็ต้องดูแลร่างกายสุขภาพให้มันดีขึ้น เพื่อทำงาน และถ้าเราชอบด้วย การทำงานในวงการ มันก็มอบหลายอย่างให้เราอยู่แล้ว ดังนั้นถ้ามีความสุขกับตัวเองและการทำงาน มันก็ประสบความสำเร็จแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปถึงจุดไหน ส่วนนั้นมันก็ดี เป็นกำไร แต่ถ้าเราพอใจกับสิ่งที่เรามีอยู่แล้วดำเนินชีวิตกับการทำงานและแฮปปี้ ไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่า ก็ประสบความสำเร็จแล้ว

Q :  ไม่ได้มองว่าเราต้องมีถ้วยรางวัลมาการันตีฝีมือ?

โบ๊ท : ไม่ครับ อันนั้นผมว่ามันเหมือนเครื่องยืนยันและเครื่องพิสูจน์มากกว่า ว่าสิ่งที่เราทำมันมีคนเห็นและให้การยอมรับเป็นทางการจริง ๆ แต่ถ้าเราไปเอาความคิดสิ่งรอบตัว หรือสิ่งข้างนอกมาตัดสินเรา ผมว่าสิ่งที่ผมพูดมาก่อนหน้านี้ มันก็อาจเกิดขึ้นยาก มันอาจต้องจบที่ตัวเราเอง ว่าเราพอใจกับจุดนี้ ไม่ได้เอาสิ่งอื่นมาเป็นตัวตัดสินนอกจากตัวเราเอง

Q :  มีมุมมองในการแข่งขันในวงการยังไง?

โบ๊ท : พอผมมีแพสชั่นแบบนั้น มีมายด์เซตแบบนั้น ผมเลยชิลเลยครับ (หัวเราะ) ไม่ได้รู้สึกว่าต้องไปแข่งกับใครเลย ผมแค่แข่งกับตัวเองก็พอ พัฒนาตัวเอง รักษาคุณภาพงานของตัวเองให้ได้มาตรฐาน หรือดีขึ้นในทุกวัน ทุกเรื่องก็โอเคแล้ว ไม่ต้องไปแข่งกับใคร แค่แข่งกับตัวเอง ผมก็เหนื่อยแล้ว (หัวเราะ)

Q :  เวลาเหนื่อยหรือท้อ กำลังใจสำคัญให้เรากลับมาสู้ต่อคืออะไร?

โบ๊ท : จริง ๆ ไม่ค่อยมีท้อ เพราะว่าพยายามมองบวก แต่มันก็คงมีแหละในบางมุม อาจแค่ปล่อยมันออกมา คนเราก็มีลิมิต มีความเหนื่อย พอเหนื่อยสะสมมันก็จะรู้สึกท้อ ผมว่าคนเราต้องปล่อยให้ตัวเองได้อ่อนแอบ้าง ได้ปลดปล่อยอารมณ์ออกมา ได้พักบ้าง และเดินหน้าไปต่อมันก็จะดีขึ้นได้ครับ เราไม่ต้องแข็งแกร่งตลอดเวลาก็ได้ครับ

Q :  มองเป้าหมายในวงการบันเทิงไว้ตรงไหน?

โบ๊ท : จริง ๆ ในทุกด้านเลยครับ หลัก ๆ เลยไม่ได้มองไกลมากมาย แต่อยากทำในสิ่งที่อยากทำก่อน คือผมชอบงานภาพยนตร์มาก อยากทำเบื้องหลัง ทำหนังของตัวเองสักเรื่อง รวมถึงมอบความสุขให้ทุกคนผ่านสิ่งที่เราทำ ไม่ว่าจะเป็นการแสดง เสียงเพลง หรือสิ่งอื่น ๆ แค่ทุกคนเสพสิ่งที่ผมแล้วมีความสุข ผมก็แฮปปี้แล้วครับ

เปิดหัวใจ และนิยาม “ความรัก”

Q :  อัพเดทหัวใจหน่อย?

โบ๊ท : หัวใจแข็งแรงดี (หัวเราะ) ก็ไม่ได้มีใคร อยู่กับครอบครัวครับ ก็อาจปฏิสัมพันธ์กับคนข้างนอกยาก เพราะช่วงนี้ด้วย

Q :   ด้วยวัยและหน้าที่การงานก็มั่นคงแล้ว ณ วันนี้เปิดใจเรื่องความรักมั้ย?

 โบ๊ท : ก็เปิดตลอดนะครับ ไม่ได้ปิดเลย เข้ามาเสริมเรา ซึ่งเราก็ต้องเสริมเขาด้วย ถ้าเข้ามาแล้วเราซัพพอร์ตซึ่งกันและกัน เราเป็นตัวของตัวเอง และเราก็มีความรู้สึกที่บริสุทธิ์ให้กันจริง ๆ ผมว่าผมก็ไม่ติดอะไรเลย เปิดรับตลอด ไม่ได้ปิดกั้นครับ

Q :  มีสเปก หรือเห็นคนแบบนี้แล้วประทับใจบ้างมั้ย คนที่จะชนะใจเราได้ต้องเป็นยังไง?

โบ๊ท : จริง ๆ ไม่มีครับ เพราะว่าเราต้องได้รู้จักกันจริง ๆ ก่อน ผมว่าทุกคนมีเสน่ห์ ความสวยหล่อเป็นของตัวเองหมดเลย อยู่ที่ว่าเคมีของเราจะเข้ากันมั้ย ไลฟ์สไตล์ การพูดคุยจะเข้ากันได้มากแค่ไหน รวมถึงบริบทชีวิตที่เป็นอยู่ด้วยว่าเราจะซัพพอร์ต หรือพากันไปได้แค่ไหน มันอยู่ที่หลายอย่าง ไม่ได้มีสเปกอะไรเลย

Q :  ในฐานะที่เราเป็นนักแสดงรุ่นใหม่ และมีฐานแฟนคลับ ขยายถึงกลุ่มซีรีส์วาย มีมุมมองต่อการเปิดตัวคนรักกับการรักษาฐานแฟนคลับ มีวิธีบาลานซ์มันยังไง?

โบ๊ท : จริง ๆ มันก็พูดยากครับ (หัวเราะ) แต่เรามาเบสออนคู่ของเราก่อนก็ได้ ถ้ามันไม่ได้มีปัญหาจริง ๆ กับการที่เราไม่ได้ออฟฟิเชียล ไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่ในขณะเดียวกันมันก็ไม่ได้อึดอัด ปิดบังขนาดนั้น ผมว่ามันก็ไม่ได้มีปัญหากับการมีแฟนหรือใช้ชีวิตคู่นะ และไม่ได้จำเป็นต้องเปิดตัวด้วย เราก็เข้าใจในกลุ่มของคนดู และกลุ่มแฟนคลับของเราว่าเขาอินกับบทบาท เขารักในตัวเราและอยากซัพพอร์ทเราขนาดไหน และพอเขาอินมาก ๆ ในบทบาท หรือในเชิงซีรี่ส์วาย หรือคาแรกเตอร์อื่น ๆ เขาก็จะมีความจิ้นความฟิน มีความคิดของเขาที่ติดกับคาแรกเตอร์อยู่ การที่เราเอาชีวิตจริง หรือเปิดตัวไปทำลายภาพความฝัน หรือความรู้สึกของเขา ผมก็เข้าใจในฝั่งนี้ เพราะฉะนั้นถ้าอยากให้สบายใจจริง ๆ ผมว่าควรจะมาในฝั่งเราก่อน ถ้าไม่ได้มีปัญหา ก็ไม่จำเป็นต้องเปิด แต่หากต้องเปิดผมว่าแฟนคลับก็จะเข้าใจอยู่ดี และซัพพอร์ทเรา เพราะเราก็มีเหตุผล ว่าเราก็มีชีวิตของเรา เราเข้าใจทุกฝ่าย ทุกคนก็ดำเนินไปด้วยความรู้สึกนึกคิดและเหตุผลของตัวเองทั้งนั้นครับ”

Q :  “โบ๊ท” ณ วัยนี้ มีนิยาม “ความรัก” ยังไง?

โบ๊ท : ถ้าสำหรับผมตอนนี้ ความรักคือการที่เราเห็นอีกฝั่งนึงมีความสุข แล้วเราก็มีความสุขครับ ซึ่งมันต้องเป็นทั้งคู่ด้วยนะครับ เพราะถ้าทั้งคู่คิดแบบนี้ มันจะไม่มีปัญหา มันจะซัพพอร์ทกันมาก ๆ เพราะมีแต่ความรู้สึกดี ๆ ให้กัน ที่อยากให้อีกฝ่ายนึงมีความสุข และกลายเป็นว่าถ้าผมอยากให้เขามีความสุข ผมก็จะให้อะไรกับเขาก็ได้ หรือเขาจะทำอะไรในสิ่งที่เขามีความสุข เราก็ไม่มีปัญหา ในขณะเดียวกัน เราก็ไม่มีความทุกข์ เพราะสิ่งที่เราทำแล้วมีความสุข เขาก็ซัพพอร์ทเราเหมือนกัน ดังนั้นมันเลยเป็นคำสั้น ๆ ความรักมันคือการที่แค่เห็นอีกคนมีความสุข มันก็พอแล้ว

เล่าโมเมนต์ประทับใจแฟนคลับ

Q :  พูดถึงอีกหนึ่งความรัก คือแฟนคลับ มีอะไรประทับใจเล่าให้ฟังบ้าง?

โบ๊ท : อันนี้เหมือนกันเลย ผมชอบโมเมนต์ที่ได้มีปฏิสัมพันธ์ร่วมกับแฟนคลับมาก ๆ ผมชอบสังเกต แต่ก่อนตอนที่ผมยังไม่ได้เป็นนักแสดง ผมจะไม่เข้าใจว่าแบบแฟนคลับคืออะไร เขามาตามอะไรขนาดนี้ แต่พอผมมาจุดนี้ ผมก็เข้าใจเลยว่ามันคือพลังบวกที่มีให้กันจริง ๆ นะ ไม่ใช่แค่เขามารับความสุขและพลังบวกจากเรา เราในฐานะศิลปิน เราก็รับความรู้สึกนั้นได้เหมือนกัน และเป็นความรู้สึกบวกที่มีให้กัน และมันซัพพอร์ตกัน มันเป็นอีกคอมมูนิตี้นึงที่แฮปปี้ และมีความสุขมากจริง ๆ ครับ

Q :  ส่องคอมเม้นต์แฟนคลับบ้างมั้ย?

โบ๊ท : ก็ดูตลอดครับ เวลาคนแท็กมา แต่อาจไม่ได้ตอบ ก็อ่านแทบทุกคอมเม้นต์ ทุกสตอรี่และทุกโพสต์ที่แท็กมาครับ ก็เห็นว่าเขาติดตามเราจริง ๆ และอินกับตัวละคร และได้ฟีดแบ็กด้วยครับว่างานของเราที่ออกไป ทุกคนชอบมั้ย ชอบโมเมนต์ไหน หรือไม่ได้ชอบยังไงครับ

Q :  ฝากผลงาน และฝากถึงแฟนคลับ?

โบ๊ท : ฝากเรื่อง ‘ปีศาจแสนกล’ ด้วย อันนี้ก็แนะนำมากจริง ๆ เพราะด้วยแนวของละครเป็นดรแมนติกคอเมดี้ ก็อยากให้เป็นตัวแทนในการมอบความสุข ความสนุกสนานและรอยยิ้มให้กับทุกคนในช่วงนี้ ผมเข้าใจจริง  ๆ ว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่ทุกคนเครียด มีความทุกข์ มีการสูญเสีย เป็นช่วงที่ลำบากขนาดไหน ผมก็เข้าใจและเห็นใจและอยากเป็นกำลังใจเล็ก ๆ ให้กับทุกคนนะครับ สู้ ๆ ไปด้วยกัน เราจะผ่านจุดนี้ไปด้วยกันครับ

เรียกว่าเป็นอีกนักแสดงฮอต ที่ไม่เคยหยุดพัฒนาและลองสิ่งใหม่ ๆ ด้วยแพสชั่นและความตั้งใจในการทำงาน เชื่อว่าแฟน ๆ จะได้ชมผลงานดี ๆ จากหนุ่มคนนี้อีกมากมายแน่นอน

ภาพ : Instagram @ boattaratipa