เพิ่งเข้าสู่ “ปีเถาะ” พ.ศ. 2566 ยังไม่ทันไรเลย! นางคริสตาลีนา จอร์เจียวา ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกมาเขย่าเตือนประชาคมโลกให้เตรียมรับมือกับปัญหาทางเศรษฐกิจตกต่ำ!

หลังจากประมาณการเชื่อว่าประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกราว 1 ใน 3 จะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ด้วยสาเหตุใหญ่จากสงครามยูเครน-รัสเซีย อัตราเงินเฟ้อ การเพิ่มดอกเบี้ยของธนาคารกลางประเทศต่าง ๆ เพื่อควบคุมค่าครองชีพไม่ให้สูงไปกว่านี้ และการยกเลิกมาตรการป้องกันโควิด-19 ของรัฐบาลจีน ประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก กระทบภาคอุตสาหกรรม ทำให้การผลิตของจีนหดตัวเร็วที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี ทำให้เศรษฐกิจในปี 66 มีแนวโน้มจะชะลอตัว

สำหรับประเทศไทย มีสัญญาณเตือนภาวะเศรษฐกิจถดถอยมาหลายเดือนแล้ว จากการส่งออกติดลบ และข้อมูลมีความชัดเจนมากขึ้น เมื่อวันก่อน “อาจารย์อู๋” จุฑาพร เกตุราทร โฆษกคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยในเดือน พ.ย. 65 หดตัวติดลบที่ -6% เป็นการติดลบติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง หลังจากการส่งออกเดือน ต.ค. หดตัวติดลบไป -4.4% เป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจไม่ดี มีแนวโน้มจะทำให้การส่งออกของไทยในปี 66 น่าจะไม่สดใส

โดยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องยอมรับความจริงว่าเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นจากที่ตกลงมาในปี 63 ที่ -6.2% เพราะปี 64 ขยายได้ 1.5% ส่วนปี 65 น่าจะขยายได้เพียง 3% กว่าเท่านั้น รวมกันแล้วยังไม่เท่าที่ตกลงมา

เมื่อวันที่ 5 ม.ค. 66 นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผอ.สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อ) ของไทยเดือน ธ.ค. 65 เท่ากับ 107.86 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนซึ่งเท่ากับ 101.86 ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปสูงขึ้น 5.89% ตามราคาสินค้าในกลุ่มพลังงาน และอาหาร ที่ยังสูงกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปี 65 สูงขึ้น 6.08% สูงสุดในรอบ 24 ปี นับตั้งแต่ปี 41

“พยัคฆ์น้อย” มองอนาคตประเทศไทย เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ คงลากยาวในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปถึงเดือน มี.ค. 66 จนครบวาระแล้ว จึงปล่อยให้มีการเลือกตั้งทั่วไป ถ้าได้ พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาเป็นผู้บริหารประเทศอีก คนไทยส่วนใหญ่จะลำบาก! เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ คงหมุนตามโลกไม่ทัน

โดย พล.อ.ประยุทธ์ คงไม่สามารถเกี่ยวติดไปกับ “ภูมิรัฐศาสตร์โลก” แต่คงหมุน ๆ อยู่กับการจัดงบประมาณไปโปะไว้ที่งานทางด้านความมั่นคง (กอ.รมน.) พร้อม ๆ กับการตอกย้ำให้คนไทยรักและสามัคคีกัน

ที่น่าห่วงมากคือปัญหาหนี้สาธารณะ หนี้ภาคครัวเรือนของไทยจะยิ่งพุ่งสูงขึ้น ตราบใดที่ผู้บริหารประเทศชุดนี้ ยังครองอำนาจต่อไป ตราบใดที่ พล.อ.ประยุทธ์ ยังเสียเวลาไปกับการขับรถดำนาที่ จ.สิงห์บุรี และคาดหวังแบบลม ๆ แล้ง ๆ ว่าเครื่องยนต์ในภาคการท่องเที่ยวไทยจะฟื้นตัวในปี 66 มาช่วยฉุดเศรษฐกิจไทยให้ดีขึ้น

ส่วนในทิศทางการเมืองนั้น วันนี้พรรคการเมืองซีกรัฐบาลยังไล่ดูด ส.. เข้าพรรคกันอยู่เลย! ยังนัวเนียอยู่กับการทำโครงการต่าง ๆ ที่ขัดหูขัดตาประชาชน

ไม่ว่าจะเป็นการประมูลก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) มีหลายฝ่ายทักท้วงว่าไม่โปร่งใส อาจจะมีเม็ดเงินรั่วไหลมากมายถึง 6-7 หมื่นล้านบาท รวมทั้งการเปลี่ยนป้ายชื่อ “สถานีกลางบางซื่อ” แพงมากถึง 33 ล้านบาท งานนี้กระทรวงคมนาคมปัดความรับผิดชอบไม่ได้!

อนาคตของประเทศไทยและคนไทยในปี 66 จึงอยู่ที่ “การเลือกตั้ง” ว่าจะได้ใครเข้ามาบริหารประเทศเพื่อฝ่ามรสุมเศรษฐกิจไปให้ได้ เป็นอนาคตที่เราเลือกได้ว่าอยากจะอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ ต่อไป? หรือต้องเปลี่ยนเป็นผู้บริหารประเทศชุดใหม่บ้าง!!

—————–
พยัคฆ์น้อย