เมื่อวันที่ 21 ส.ค. นายประกาศิต พรประสิทธิ์ นายอำเภอหลังสวน จ.ชุมพร สั่งการให้ นายวันชัย ขุนรินทร์ ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงอำเภอหลังสวน เข้าตรวจสอบการร้องเรียนของพลเมืองดี ว่ามีการลักลอบขุดตักดิน หินแร่ และมีการขนย้ายดิน หิน ออกจากบ่อดินที่บริเวณซอยภูผาทองหมู่ที่ 16 ต.บ้านควน อ.หลังสวน จึงเดินทางไปพร้อม ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิก อส.กองร้อยอาสารักษาดินแดน ตำรวจกองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 และบก.ปทส.

ที่เกิดเหตุเข้าไปในซอยภูผาทอง ประมาณ 2 กม. พบว่า เป็นภูเขากลางป่าสงวนแห่งชาติ มีสวนเกษตรของชาวบ้านในด้านเชิงเขา หลายแปลงแต่ส่วนใหญ่จะมีสภาพเป็นป่า เมื่อเข้าไปถึงพบรถแบ๊กโฮสำหรับตักดิน 1​ คัน และรถแบ๊กโฮ สำหรับเจาะหิน อีก 1 คัน จอดอยู่กลางถนน ลึกลงไปข้างถนนพบมีการขุดดิน กว้างขนาด 10×10 เมตร ลึก 4 เมตร มีร่องรอยล้อรถบรรทุกขนย้ายดินออกจากพื้นที่มีกองดินกองหินเล็กน้อย มีหินลักษณะเป็นก้อนสีดำ คล้ายแร่ตะกั่วอยู่บ้างเล็กน้อยบริเวณปากบ่อ ขณะเข้าตรวจสอบมีนายสมใจ สายสุวรรณ​ อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21 หมู่ที่ 3 ต.หาดยาย อ.หลังสวน จ.ชุมพร ได้แสดงตนเป็นเจ้าของที่ดินบริเวณดังกล่าว

นายสมใจ กล่าวว่า ได้ว่าจ้างรถแบ๊กโฮ ให้มาขุดตักดินเพื่อเป็นแหล่งน้ำ แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ เนื่องจากในเวลานั้นพบนายสมคิด ศรีวิชัย ชาวกรุงเทพมหานคร อยู่บริเวณปากบ่อด้วย เจ้าหน้าที่สอบถามนายสมคิด ก่อนให้การว่า ได้รับการติดต่อจากนายวัด ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง จาก กทม. ให้มาตรวจสอบว่าก้อนหินที่ขุดพบเป็นแร่ตะกั่วหรือไม่ เนื่องจากตนเองเป็นนายหน้าในการซื้อขายแร่ตะกั่วให้กับบริษัทนายจาง ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง อยู่ที่กรุงเทพฯ ซึ่งทุกครั้งเมื่อได้ตัวอย่างไปแล้ว จะโทรฯ​ ให้นายจางมาเอาตัวอย่างที่บ้านของนายสมคิด ในวันนี้ก็ได้นัดนายวัด หนึ่งในทีมงานให้มาตรวจสอบดินและหินและขุดตักดินที่มา เพื่อให้ตรวจสอบพบว่าเป็นแร่ชนิดใด ในขณะที่นั่งรอนายวัดอยู่ คณะเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบพอดี

เมื่อเดินขึ้นไปบนภูเขาสูงยังพบรถแบ๊กโฮกำลังกวาดผืนป่าเพื่อสร้างถนนขึ้นไปยังยอดภูเขาสูง แต่คนขับทิ้งรถหลบหนีไป โดยขบวนการจะขุดดิน และหิน ที่คาดว่ามีแร่ตะกั่ว ใส่รถบรรทุกไปกองไว้ที่ลานรับซื้อผลปาล์มแห่งหนึ่ง หน้าวัดบ้านโหมง ต.พระรักษ์ อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร ห่างจากจุดที่เกิดเหตุ 5 กม. ก่อนจะมีรถเทรเลอร์มานำดินหินไปแยกแร่ออกจากดินที่​ จ.พระนครศรีอยุธยา อีกทอดหนึ่ง ซึ่งชาวบ้านบอกว่าขบวนการนี้เริ่มมาบุกรุกได้นานร่วมเดือนแล้ว จนชาวบ้านทนไม่ไหว กลัวภัยธรรมชาติ จึงต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาตรวจสอบ

อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบบริเวณดังกล่าวพบว่าเป็นพื้นที่ป่าสงวนตาม พระราชบัญญัติ ป่าไม้ พ.ศ 2484 เจ้าหน้าที่ได้ขอตรวจสอบใบอนุญาตตั้งโรงงานและประกอบกิจการโรงงานตามกฎหมายโรงงาน จากนายสมคิดและนายสมใจ ปรากฏว่าไม่มีแสดง จึงควบคุมตัวและตั้งข้อหานายสมใจ “ฐานมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้​ พ.ศ. 2484 กรณี ก่อสร้างแผ้วถางหรือกระทำการด้วยประการใดๆ​ เป็นการทำลายป่าเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต และตั้งโรงงานประกอบกิจการโรงงานจำพวก 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติโรงงาน​ ส่วนนายสมคิด มีความผิด​ “ฐานร่วมกันทำความผิดตามพรบป่าไม้​ พ.ศ.​ 2484 ร่วมกันทำความผิดบุกรุกขุดตักดินทำลายทำให้เสื่อมสภาพที่ดิน ที่หิน ที่กรวด หรือที่ทราย ที่หวงห้ามตามกฎหมายที่ดิน โดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันกระทำความผิดฐานตั้งโรงงานประกอบกิจการโรงงานจำพวก 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต” นำส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สำหรับป่าสงวนแห่งชาติแปลงนี้อยู่ในเทือกเขา ทับวัง เป็นแหล่งอุดมสมบูรณ์ด้วยสัตว์ป่านานาชนิด ทั้ง ช้างป่า กระทิง ลิง มีภูเขาหลายลูกอยู่ในเทือกเขา ชาวบ้านได้ขุดพบ หินมีลักษณะคล้ายแร่ตะกั่ว แร่พลวง จนทำให้มีขบวนการลักลอบขายแร่ จากตรวจสอบทางดาวเทียมพบว่าใต้ดินมีแร่ดังกล่าวจำนวนมาก มูลค่ามหาศาล จึงเดินมาติดต่อขอซื้อที่ดินที่ชาวบ้านครอบครองทำสวนเกษตร เป็นเงิน 2 ล้านบาท ก่อนจะนำทีมงานพร้อมรถขุดเจาะ รถตักดิน จำนวน 3 คัน เข้ามาบุกรุกแผ้วทางสร้างทางเพื่อจะขุดเจาะดินให้ถึงสายแร่ด้านล่าง เมื่อชาวบ้านในหมู่บ้านทักท้วงว่า เป็นภูเขา เป็นป่าที่ชาวบ้านสงวนไว้เพื่อป้องกันน้ำท่วม ดินถล่ม แต่กลุ่มนายทุนไม่ฟังแถมยังโอ้อวดว่า ได้เคลียร์กับผู้ใหญ่ไว้แล้ว.