สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 5 ม.ค. ว่า การเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบดังกล่าวอาจขยายการเข้าถึงการทำแท้ง ในขณะที่รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ พยายามหาวิธีที่ดีที่สุดในการปกป้องสิทธิการทำแท้ง หลังศาลฎีกาสหรัฐกลับคำวินิจฉัยคดี “โรกับเวด” (Roe v. Wade) และหลายรัฐประกาศห้ามการทำแท้งในเวลาต่อมา

ร้านขายยาสามารถยื่นขอใบรับรองเพื่อจำหน่ายยาเม็ดยุติการตั้งครรภ์ “มิฟิพริสโตน” กับหนึ่งในสองบริษัทที่ผลิตยาได้ และหากประสบความสำเร็จ ทางร้านจะสามารถจ่ายยาดังกล่าวให้กับผู้ป่วยได้โดยตรง เมื่อพวกเขาได้รับใบสั่งยาจากผู้สั่งใช้ยาที่ได้รับการรับรอง

“ภายใต้แผนงานกลยุทธ์การประเมินและบรรเทาความเสี่ยง (เรมส์) ของยามิฟิพริสโตนตามที่แก้ไขแล้ว ยามิฟิเพรกซ์ และยาสามัญที่ได้รับการอนุมัติ สามารถจ่ายได้โดยร้านขายยาที่ได้รับการรับรอง หรือภายใต้การดูแลของผู้สั่งใช้ยาที่ได้รับการรับรอง” เอฟดีเอ ระบุบนเว็บไซต์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

แม้นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิในการทำแท้งหลายคนจะยืนยันถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพของยามิฟิพริสโตน แต่การเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบนี้จะทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงยาชนิดนี้ เนื่องจากหลายรัฐบังคับใช้กฎหมายห้ามการทำแท้ง ส่งผลให้ผู้หญิงในรัฐนั้น ๆ ต้องเดินทางไปรัฐอื่นเพื่อรับการทำแท้งแทน ขณะที่กลุ่มต่อต้านการทำแท้งกล่าวว่า ความเคลื่อนไหวล่าสุดของเอฟดีเอ เป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของสตรี และชีวิตของเด็กในครรภ์

นอกจากนี้ ร้านขายยารายย่อยจะต้องชั่งใจว่าควรจำหน่ายยายุติการตั้งครรภ์หรือไม่ เนื่องจากความขัดแย้งทางการเมืองเกี่ยวกับประเด็นการทำแท้ง รวมถึงพิจารณาว่าพวกเขาสามารถทำเช่นนั้นได้ที่ไหนบ้าง โดยร้านขายยาบางแห่งกล่าวว่า พวกเขากำลังทบทวนการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบของเอฟดีเอ เพื่อที่จะกำหนดการจ่ายยาให้สอดคล้องกับกฎหมายของรัฐบาลกลาง และกฎหมายของรัฐ.

เครดิตภาพ : REUTERS