สวัสดีปีกระต่ายกับความหวังใหม่ ๆ แม้จะอยู่ภายใต้ผู้นำ “แปดเปื้อน” พล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา 8 ปีกว่าแล้ว ภาวะเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรปีนี้ เก็บตกจาก “กูรู” มาฝาก น่าจะเวิร์กสุด ขอเชิญอ่านกันเลยดีกว่า

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล อดีต รมต. 4 กุมาร ในรบ. พล.อ.ประยุทธ์ ปัจจุบันเป็นรอง กก.ผจก.ใหญ่แบงก์กรุงเทพ นักวิเคราะห์ขวัญใจสื่อ คุยกับเฮีย สุทธิชัย หยุ่น กาแฟดำ ใน “Youtube” ถึงภาวะเศรษฐกิจปี 2566 ว่า จะเป็นหนังคนละม้วนกับปีเสือ ซึ่งเป็นปีที่ตลาดการเงินโลกปั่นป่วนผันผวน นักลงทุนในตลาดการเงินสูญสินทรัพย์ต่าง ๆ ไปเยอะ โดยปี 66 สงครามรัสเซีย-ยูเครน มาถึงระยะ 3 ปรับตัวสู่สถานการณ์ใหม่ แต่ยังไม่รู้จะจบหรือลุกลามเป็นสงครามเย็นหรือเปล่า ก็ต้องดูกันต่อไป

ดร.กอบศักดิ์ บอกว่า ผลกระทบจากตลาดการเงินจะเข้าสู่เศรษฐกิจจริง ปี 65 ยังส่งออกได้ แต่ปีนี้ผลผลิตและผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ จะไม่ดี เช่น FedEx ธุรกิจ “ดิลิเวอรี่” ลดลงทั่วโลก ธุรกิจเดินเรือ ชิปปิ้ง ก็ลดลง บริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ Wallmart ยอดขายลดลงตั้งแต่ปี 65 หลายบริษัทปลดคนออก ฟองสบู่สุดท้ายคืออสังหาริมทรัพย์ในอเมริกาเริ่มแผ่วลงมา 4 ตลาดหลัก อังกฤษ เยอรมนี อิตาลี ฝรั่งเศส จีดีพีจะติดลบ ฟิตช์เรตติ้ง ทำนายว่า สหรัฐจะโต 0.2% เท่ายุโรป ที่ไม่ให้ติดลบเพื่อรักษาหน้า เศรษฐกิจโลกจึงเข้าสู่ภาวะถดถอยของจริง ในจีนเอง ธุรกิจอสังหาฯ ก็มีปัญหา จีดีพีจะไม่โต 5-6% เหมือนก่อนอีก สินค้าไทยจึงไม่รู้จะส่งออกไปไหน เครื่องยนต์ส่งออกจึงแผ่วลง เมื่อโลกหมดแรง อินเดียกับอาเซียนไม่ใช่ตลาดหลักของไทย

ที่จริงทุกปลายปีส่งออกต้องขึ้น แต่ส่งออกไทยลดลง 10% มา 3-4 เดือนแล้ว ขณะกำลังซื้อในประเทศเริ่มคงที่และลดลง ไม่ฮึกเหิมเช่นก่อน ปี 2566 โลกจึงคับขันขึ้น นี่หรือเปล่า กระต่ายน้อยในเขาวงกตอันมืดมิด แบบที่ ดร.กอบศักดิ์ว่า

คือมองแล้วไม่สดใส แต่ ดร.กอบศักดิ์ ก็ยังมองด้านดีว่า สำหรับไทยยังพอไปได้ อานิสงส์เมื่อจีนผ่อนปรน “ซีโรโควิด” ให้คนจีนออกนอกประเทศได้ (เริ่ม 8 ม.ค. 66 กลับไปจีนก็ไม่ต้องกักตัว) จากเดือน ธ.ค. 65 มีนักท่องเที่ยววันละ 1 แสน เดิม 6 หมื่น เท่ากับเข้ามาเดือนละ 2 ล้าน ตลอดปี 65 คือ 20 ล้าน เป็นน้ำหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจให้ไปต่อได้ โดยอาเซียนจะเป็น “เซฟเฮเวน” ของตลาดหุ้น อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ไทย จะดีหมด การท่องเที่ยวทำให้เศรษฐกิจแถวนี้หมุนพร้อมกัน

ล่าสุด IMF แถลงข่าวว่า ประเทศ 1 ใน 3 จะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีนี้ ซึ่งเป็นข่าวไม่ดีนัก

ด้าน ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการแบงก์ชาติ ที่มองไปในทางเดียวกันว่า เศรษฐกิจไทยยังจะฟื้นตัวต่อเนื่อง แม้ส่งออกจะชะลอตัวโตแค่ 1% แต่จะฟื้นตัวโดยการบริโภคภายในและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่จะเข้ามา 20 กว่าล้านคน ทำให้แรงงานไทยมีรายได้เพิ่ม การใช้จ่ายในประเทศจึงเพิ่มขึ้นปี 66 จีดีพีจะโต 3.7% จาก 3% โดยการขึ้นดอกเบี้ยจะค่อยเป็นค่อยไป เป้าหมายคือ 2% เพราะเงินเฟ้อต่างประเทศมาจากเศรษฐกิจที่ร้อนแรง แต่บ้านเราไม่เห็นภาพนี้ เงินเฟ้อหลักมาจากราคาพลังงานและอาหาร เครื่องยนต์เงินเฟ้อจึงไม่ติด ไม่จำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยเร็วและแรง

ผู้ว่าการธปท.ตอบชัด! ขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ นโยบายการเงินไปทางไหน | เดลินิวส์

นี่เป็นความเห็นของ 2 กูรูเศรษฐกิจ คนหนึ่งอยู่ภาคเอกชน อีกคนอยู่ภาครัฐ แต่มุมมองไม่ต่างกันนัก ฟังแล้วยังพอมีหวัง ไม่ได้ขนาดเผาจริงหรือลอยอังคาร แถมจะมีการเลือกตั้งใหญ่ที่ยังไงก็ไม่เกิน 7 พ.ค. 66 ซึ่งเงินจะสะพัดหลายพันล้านรออยู่อีกด้วย

ขอแค่ให้ประชาชนเลือกรัฐบาลและผู้นำที่มีฝีมือ มีกึ๋น มีวิสัยทัศน์ เท่าทันโลก ไม่ตกใจกาแฟแก้วละ 120 บาท ไม่จมจ่อมกับงานรูทีน 500 เรื่อง ที่คิดว่านี่คือสุดยอดผลงาน ไทยก็คงไม่ต้องเป็นกระต่ายน้อยในเขาวงกตอันมืดมิด ส่วนจะเป็นกระต่ายทอง กระต่ายน้อยร่าเริงหรือไม่ ก็อยู่ที่หน้าตาทีมเศรษฐกิจและผู้นำรัฐบาลใหม่อย่างที่บอกนั่นล่ะ

หากได้คนหน้าเดิม ๆ แค่เหล้าเก่าในขวดใหม่ ก็ตัวใครตัวมัน…นะจ๊ะ.

———————
ดาวประกายพรึก