เชื่อว่าเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แฟนมวยคงนั่งจับจ้องหน้าจอ พีพีทีวี เอชดี เพื่อรอชมการชกของ “เดอะ แพคแมน” แมนนี ปาเกียว กับ ยอร์เดนิส อูกัส มวยแทนชาวคิวบากันด้วยความใจจดใจจ่อ

เพราะนอกจากจะเป็นไฟต์แรกของ “ท่านวุฒิสมาชิก” ในรอบกว่า 2 ปีแล้ว มันยังมีความเป็นไปได้ที่อาจจะเป็น “ไฟต์สุดท้าย” ของยอดมวยตากาล็อก

ณ ตอนที่เขียนต้นฉบับนี้ ผมยังไม่ทราบผลการชก แต่ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ มันก็มีความเป็นไปได้ทั้งสิ้นที่จะเป็น “ฉากสุดท้าย” ของ “เดอะ แพคแมน” เจ้าตัวเองก็แบ่งรับแบ่งสู้ ในทำนองว่ามันก็มีโอกาสที่จะเป็นไฟต์สุดท้ายในชีวิต

และด้วยอายุอานามที่ปาเข้าไป 42 ปี บวกกับสถานะทั้งทางการเงิน การเมือง และสถานะของเขาในวงการมวยโลก มันไม่มีอะไรที่จำเป็นต้องพิสูจน์อีก มันก็ไม่แปลกหากเส้นทางพ่อค้ากำปั้นของ ปาเกียว จะยุติลง

นับตั้งแต่โลกกำปั้นรู้จัก ปาเกียว เป็นครั้งแรก เมื่อครั้งเขาเอากำปั้นซ้ายยัดปลายคาง “ครูหนึ่ง” ฉัตรชัย สาสะกุล โป้งเดียว แย่งแชมป์โลกฟลายเวต WBC ไปครอง เป็นแชมป์โลกเส้นแรกของเขาเมื่อปี 1998 ถึงวันนี้เขาเดินทางมาไกลเหลือเชื่อ

และนับตั้งแต่ได้แชมป์โลกเส้นแรกเมื่อปี 1998 หากเขาเอาชนะ อูกัส ได้เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ปาเกียว จะเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่มีเข็มขัดแชมป์โลกคาดเอวตลอดถึง 4 ทศวรรษ ไล่มาตั้งแต่ในยุค 1990, 2000, 2010 จนถึง 2020

และนอกจากนี้ คงไม่เป็นการพูดเกินเลยว่าหลังจากนี้ คงหานักมวยคนไหนที่ทำสถิติเทียบเท่า ปาเกียว ในการคว้าแชมป์โลกถึง 8 พิกัดน้ำหนักได้อีกแล้ว ไล่มาตั้งแต่ฟลายเวต 112 ปอนด์ มาจนถึงซูเปอร์เวลเตอร์เวต 154 ปอนด์ เรียกว่าได้แชมป์โลก
มาแล้วเกือบครึ่งหนึ่งของพิกัดมวยโลกยุคนี้ที่มีทั้งหมด 17 รุ่น

ถึงวันนี้ อดีตคู่ปรับตัวฉกาจของ ปาเกียว ทั้งหลายแหล่ ต่างเลิกมวยกันไปนานแล้ว แต่ “เดอะ แพคแมน” ยังคงอยู่ยั้งยืนยง ซึ่งปัจจัยแห่งความคงกะพัน นอกจากฝีไม้ลายมือและพลังกำปั้นที่ยอดเยี่ยมแล้ว สภาพร่างกายในวัย 42 ปีซึ่งยังฟิตเปรี๊ยะ ย่อมถือเป็นเรื่องสำคัญ และแน่นอนว่าสาเหตุที่นำมาสู่ความฟิตคือวินัยในการซ้อม

ปาเกียว ได้ชื่อว่าเป็นนักชกที่ทำงานหนักทุกครั้งในการเตรียมตัวขึ้นสีงเวียน แม้บางครั้งหน้าที่การงานด้านการเมืองจะเป็นอุปสรรคอยู่บ้าง และในวัย 42 ปี พร้อมทรัพย์สินที่ใช้ทั้งชาติก็อาจไม่หมด เขายังคงรักที่จะเข้ายิมซ้อมมวย

ดังที่ เฟรดดี โรช เทรนเนอร์คู่ใจที่ดูแล ปาเกียว มาร่วม 2 ทศวรรษ เคยบอกว่าเขาไม่เคยมีปัญหากับการให้ “เดอะ แพคแมน” เข้ายิมซ้อม แต่ปัญหาอยู่ที่เวลาจะให้เจ้าตัวเลิกซ้อมมากกว่า

ถ้าถามแฟนมวย ปาเกียว อย่างผม การได้เห็นเขายังขึ้นสังเวียนอยู่ ในมุมหนึ่งก็เป็นเรื่องดี แต่ลึก ๆ แล้ว ผมอยากเห็นเขาอำลาหลังจบไฟต์นี้เสียมากกว่า

แม้เจ้าตัวจะให้ข่าวว่าอาจจะยังมีอีกไฟต์ หากคู่ชกชื่อ ฟลอยด์ เมย์เวตเธอร์ จูเนียร์ ซึ่งยังคาใจหลัง “เดอะ แพคแมน” เคยแพ้คะแนนมาใน “ศึกแห่งศตวรรษ” เมื่อปี 2015

แต่ถ้าถามผม ผมว่าไม่จำเป็นแล้วล่ะครับ…
.
.
ผยองเดช