เมื่อวันอังคารที่ 27 ธ.ค. 2565 เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จลงพระวิหาร วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ประทานพระวโรกาสให้ นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย พร้อมด้วย นายหยาง ซิน อัครราชทูตที่ปรึกษา และนางฉาง ยู่เหมิง ที่ปรึกษา เฝ้าถวายสักการะ


โอกาสนี้ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย กราบทูลสำแดงความปีติยินดีและสำนึกในพระกรุณาคุณที่ได้รับประทานพระวโรกาสให้เฝ้า พร้อมทั้งกราบทูลรายงานเกี่ยวกับความเจริญก้าวหน้าของประเทศจีน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และชีวิตความเป็นอยู่ของชาวจีนในปัจจุบัน


เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช มีพระดำรัสถึงสัมพันธไมตรีอันดีงามและยาวนานระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เชิงสายโลหิตที่ชาวจีนและชาวไทยมีสายสัมพันธ์เป็นครอบครัวเดียวกันมาเป็นเวลาช้านาน

ส่วนพระองค์ก็มีสายพระโลหิตจีนจากฝ่ายพระบิดา ซึ่งเป็นชาวจีนผู้มาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในประเทศไทย แม้จะยังไม่ทรงมีโอกาสเสด็จไปทอดพระเนตรภูมิลำเนาของพระบรรพบุรุษทางฝ่ายประเทศจีน และบัดนี้ก็ทรงเจริญพระชนมายุสูงแล้ว การเดินทางไกลอาจลำบาก แต่ก็ยังทรงมีน้ำพระทัยผูกพันระลึกถึงอยู่เสมอ


นอกจากนี้ ยังทรงพระปรารภถึงโบราณสถาน โบราณวัตถุ และพุทธศาสนสถานในประเทศจีน ว่า สมควรได้รับการอนุรักษ์ไว้ให้เป็นมรดกของมนุษยชาติ เนื่องจากจีนเป็นอู่อารยธรรมของโลก และยังมีประวัติศาสตร์เกี่ยวเนื่องกับพระพุทธศาสนามานานนับพันปี ขออย่าได้ปล่อยให้ทรุดโทรมหรือสูญหายทำลาย


เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้กราบทูลสนองพระดำรัสว่า รัฐบาลจีนในปัจจุบันมีนโยบายอนุรักษ์มรดกทางศิลปวัฒนธรรม และทำนุบำรุงโบราณสถาน โบราณวัตถุ รวมทั้งบรรดาศาสนสถานทั้งหลายให้ยั่งยืนอยู่ตลอดไป อีกทั้งกราบทูลอาราธนาเสด็จเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน และกราบทูลถวายพระพรเนื่องในวาระขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2566 ตลอดจนเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึง


เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช มีรับสั่งประทานพรเป็นภาษาจีนเนื่องในเทศกาลตรุษจีนแก่เอกอัครราชทูตและคณะ พร้อมทั้งโปรดให้เชิญรับสั่งประทานพรและความปรารถนาดีไปยังชาวจีนทั้งปวง โดยมีพระดำรัสย้ำว่า จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน


จากนั้น เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ถวายแจกันกระเบื้องลายคราม แล้วเจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ประทานเหรียญพระรูปและสำรับหนังสือที่ระลึก.

ขอขอบคุณ : สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย