เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ที่ศาลาว่าการ กทม. (เสาชิงช้า) เขตพระนคร นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯ กทม.เป็นประธานการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการดำเนินโครงการพัฒนาต้นแบบ BKK Food Bank ระบบส่งต่ออาหารให้กลุ่มเปราะบางอย่างเป็นรูปธรรม โดยความร่วมมือระหว่าง กทม. ร่วมกับมูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ (SOS) และมูลนิธิ วีวี แชร์ (VV Share) โดยมีนางสาวกรรณตรัตย์ วิเศษธรรมภัทร์ ประธานกรรมการมูลนิธิ สโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ นางศรินทร เมธีวัชรานนท์ รองประธานมูลนิธิ วีวี แชร์ และนายเฉลิมพล โชตินุชิต รองปลัด กทม. คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้อำนวยการเขต 10 เขตนำร่อง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม

นายศานนท์ กล่าวว่า สำนักพัฒนาสังคม ได้ดำเนินโครงการพัฒนาต้นแบบ BKK Food Bank ระบบส่งต่ออาหารให้กลุ่มเปราะบาง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งต่ออาหารส่วนเกินให้กลุ่มเปราะบางที่ขาดแคลนอาหาร และลดปริมาณขยะที่เกิดขึ้นจากอาหารส่วนเกิน โดยมีการเชื่อมโยงการทำงานทุกภาคส่วน โดยการลงนามบันทึกดังกล่าว จะดำเนินการ 10 เขตนำร่อง ประกอบด้วย เขตบางขุนเทียน คลองเตย คลองสาน บางกอกน้อย บางแค บางพลัด พระโขนง ประเวศ ภาษีเจริญ และลาดกระบัง นำร่อง 3 วัน ต่อสัปดาห์ คือ วันอังคาร พุธ พฤหัส จากนั้นจะขยายจำนวนวันและเขตพื้นที่ให้ครอบคลุมทั้ง กทม. ต่อไป

นายศานนท์ กล่าวต่อว่า Food Bank ไม่ใช่เรื่องใหม่ หลายเขตทำอยู่แล้ว มูลนิธิทั้งสองมีประสบการณ์อยู่แล้ว ซึ่งการให้ไม่ได้มองเฉพาะผลกระทบทั้งของผู้ให้และผู้รับ อาจไม่ใช่การวัดที่ว่าผู้ให้ได้ให้ไปแล้วกี่กล่อง แต่อาจจะสามารถคำนวณได้ว่า แต่ละวันมีอาหารที่เหลือเกินความต้องการเท่าไหร่ และสามารถนำไปวางแผนเรื่องอื่นต่อไปได้ นอกจากนี้ เขตจะตั้งป้ายประจำจุดบริจาคให้ชัดเจน โดยเป็นจุดทั้งสำหรับผู้ที่บริจาคประจำและผู้ที่บริจาคไม่ประจำ อาจเป็นการบริจาคเนื่องในวันสำคัญต่างๆ

ทั้งนี้ หน่วยงานองค์กรที่มีอาหารส่วนเกินและประสงค์บริจาคให้ กทม. เพื่อส่งต่อแก่กลุ่มผู้รับ ได้แก่ กลุ่มเปราะบาง (เด็ก สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ป่วยติดเตียง คนไร้บ้าน คนเร่ร่อน) ประชาชนผู้มีรายได้น้อย ผู้ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัยต่างๆ และอาหารส่วนเกินที่นำมาบริจาค (Food surplus) อาจเป็นอาหารสด เช่น ผัก ผลไม้ หรืออาหารปรุงสุกที่ไม่เกินหรือระบุภายในวันที่ควรบริโภคก่อน Best before : BBF แต่ยังไม่หมดอายุ ผลิตเกิน จำหน่ายไม่หมด สี รสชาติ คุณลักษณะอาจเปลี่ยนไปบ้าง แต่ยังสามารถบริโภคได้ โดยไม่กระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภค

ด้านนางสาวกรรณตรัตย์ กล่าวว่า การร่วมมือส่งต่ออาหารให้กลุ่มคนที่ต้องการอาหารเพื่อพัฒนาชีวิตต่อไป ซึ่งหากผู้ประกอบการทิ้ง ไม่ได้ส่งต่อ อาหารจะเป็นแค่ขยะ ขณะที่ นางศรินทร กล่าวว่า กทม. เห็นปัญหาของขยะอาหารที่ก่อให้เกิดมลพิษสิ่งแวดล้อม ในขณะที่ยังมีประชาชนต้องการอาหารเป็นจำนวนมาก ซึ่งมูลนิธิฯ จะเป็นตัวกลางให้หน่วยงานร่วมแบ่งปันอาหารให้แก่กลุ่มบุคคลด้อยโอกาส โดยไม่คิดถึงเชื้อชาติและศาสนา.