สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงคาบูล ประเทศอัฟกานิสถาน เมื่อวันที่ 3 ก.ค.ว่านายซาบิฮุลเลาะห์ มูจาฮิด โฆษกกลุ่มตาลีบัน กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับการที่สหรัฐถอนกำลังพล และเคลื่อนย้ายสรรพาวุธที่ยังเหลืออยู่ ออกจากฐานทัพอากาศบาแกรม “เป็นสัญญาณบวก” ว่าอัฟกานิสถานกำลังจะกลับมามีเสถียรภาพและสันติภาพ เมื่อกองกำลังต่างชาติเดินทางกลับออกไปจนหมด ปูทางให้ชาวอัฟกานิสถาน “กำหนดอนาคตด้วยตัวเอง”

ทั้งนี้ ฐานทัพอากาศบาแกรม ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดปาร์วัน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอัฟกานิสถาน ถือเป็นฐานทัพขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ เนื่องจากเป็นฐานทัพแห่งเดียวที่มีรันเวย์สำหรับเครื่องบินลำเลียงทางทหารขนาดใหญ่ และยังเป็นหนึ่งในสถานที่ตั้ง “คุกมืด” ของสำนักข่าวกรองกลาง ( ซีไอเอ )

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นนานเกือบ 2 เดือน หลังกองทัพสหรัฐถอนทหารและสรรพาวุธทั้งหมดออกจากฐานทัพขนาดใหญ่อันดับ 2 ของอัฟกานิสถาน คือฐานทัพอากาศกันดาฮาร์ ตั้งอยู่ที่จังหวัดกันดาฮาร์ ทางตอนใต้ของประเทศ เมื่อกลางเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา

ขณะที่พล.ร.ต.จอห์น เคอร์บีย์ โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐ กล่าวถึงการส่งมอบฐานทัพอากาศบาแกรมกลับคืนให้แก่อัฟกานิสถาน หลังทหารอเมริกันเช้าไปประจำการหลังเหตุวินาศกรรม 9/11 เมื่อเดือนก.ย.2544 “เป็นก้าวย่างสำคัญ” แต่ย้ำว่าสหรัฐ “ยังคงมีความชอบธรรม” ในการให้ความปกป้องต่อกองกำลังของอัฟกานิสถาน โดยปฏิเสธลงลึกในรายละเอียด

ด้านแหล่งข่าวในเพนตากอนเผยว่า พล.อ.ออสติน มิลเลอร์ ผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐประจำอัฟกานิสถานจะเดินทางกลับ “ภายในอีกไม่กี่วันข้างหน้า” หลังจากนั้น กิจการทางทหารทั้งหมดของสหรัฐในอัฟกานิสถานจะไปขึ้นตรงกับพล.อ.เคนเนธ แมคเคนซี ผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการภูมิภาคกลางของกองทัพสหรัฐ

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศเมื่อช่วงเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ว่าสหรัฐไม่สามารถทุ่มเททรัพยากรมหาศาลไปกับสงคราม “ที่จัดการได้ยาก” และ “ผลลัพธ์อาจแตกต่าง” จากที่เคยประเมินไว้ ด้วยเหตุนี้ “จึงเป็นเวลาอันสมควรแล้ว ที่จะยุติสงครามครั้งยืดเยื้อที่สุดในประวัติศาสตร์ของชาติ” โดยทหารอเมริกันประมาณ 2,500-3,500 นาย ซึ่งถือเป็นชุดสุดท้าย จะเดินทางออกจากอัฟกานิสถาน ภายในวันที่ 11 ก.ย.นี้ ซึ่งตรงกับวันครบรอบ 20 ปี เหตุวินาศกรรม 9/11 เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2544.

เครดิตภาพ : REUTERS