เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. พ.ต.ท.ศุภชัย จันทรา รอง ผกก.กลุ่มงานจารจร ภ.จว.เชียงใหม่ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้ตำรวจภูธรภาค 5 และตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ดำเนินการใช้เครื่องออกใบสั่งอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Ticket โดยมอบให้กับสถานีตำรวจในสังกัดที่จะช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถออกใบสั่ง ตรวจสอบประวัติได้อย่างง่ายดายเครื่อง E-Ticket ตัวนี้นั้น ไม่ได้เป็นแค่เครื่องออกใบสั่ง แต่มันคือการทำงานเบ็ดเสร็จในขั้นตอนเดียว กล่าวคือ มีทั้งขั้นตอนการสืบประวัติ การตัดแต้มใบขับขี่ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถดูได้ด้วยว่า บุคคลนั้นเคยกระทำผิดมาแล้วกี่ครั้ง อะไรบ้าง ตลอดจนหมายจับคดีอาญา ในการตรวจสอบผู้กระทำความผิดคดีต่างๆ
สำหรับระบบบันทึกคะแนนความประพฤติในการขับรถ หรือระบบตัดแต้ม และความร่วมมือระหว่างหน่วยงานเพื่อสร้างระบบดังกล่าว ได้ดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นมาตรฐานสากล ระบบบันทึกคะแนนความประพฤติ กำหนดไว้ใน “ระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับระบบการบันทึกคะแนนความประพฤติในการขับรถของผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี่ พ.ศ. 2565” ซึ่งออกตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 142/1 โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 มกราคม 2566 ซึ่งจะเป็นมาตรการเสริมในการสร้างวินัยการขับขี่เพิ่มเติมจากการออกใบสั่งเพื่อบังคับใช้กฎหมายตามปกติ ภายใต้สโลแกน “มุ่งเน้นการสร้างวินัยการขับขี่ปลอดภัย ให้โอกาสแก้ไขไม่กระทำผิดซ้ำ สร้างความเท่าเทียมกันภายใต้กฎหมาย และเป็นมาตรฐานสากล” มุ่งหวังให้ลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน เนื่องจากสถิติการเกิดอุบัติเหตุเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 65 ที่ผ่านมาข้อมูลทั้งประเทศจากศูนย์รับแจ้งเหตุ บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด และเครือข่ายรับแจ้งพบผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ จำนวน 56 ราย เป็นผู้ขับขี่สัญชาติไทย 54 ราย ชาวต่างชาติ 2 ราย ผู้บาดเจ็บ 2,570 คน ส่วนใหญ่มาจากรถจักรยานยนต์ จำนวน 53 ราย รถยนต์ 3 ราย อายุของผู้เสียชีวิตไม่เกิน 15 ปี จำนวน 1 ราย ผู้ใหญ่ จำนวน 55 ราย ยอดรวมสถิติอุบัติเหตุสะสมปี 2565 มีผู้เสียชีวิตจำนวน 13,520 ราย ผู้บาดเจ็บสะสม 866,437 คน
จราจรเชียงใหม่ จึงได้มุ่งเน้นในการทำงานบริการช่วยเหลือประชาชน โปรดปฏิบัติตามกฎหมายจราจร เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรและป้องกันการเกิดอุบัติเหตุร่วมกัน สถิติการจับกุมที่ผ่านมาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อดือน พ.ย. 65 พบการกระทำความผิดไม่สวมหมวกนิรภัย จับกุมจำนวน 2,751 ราย ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ จำนวน 2,407 ราย ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย จำนวน 87 ราย ขับรถย้อนศร จำนวน 14 ราย
สำหรับการออกใบสั่งอิเล็กทรอนิกส์ E-Ticket หลายคนกลัวว่าจะเป็นใบสั่งปลอม ทางตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ยืนยันว่า ใบสั่งดังกล่าวสามารถตรวจสอบได้ และการสั่งจ่ายก็สามารถจ่ายค่าปรับได้สะดวกถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยตรง และในสั่งดังกล่าว จะระบุชัดเจนเรื่องข้อมูลของผู้กระทำความผิด ชื่อ หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน หรือหมายเลขพาสปอร์ต เบอร์โทรศัพท์ พาหนะที่ขับขี่ หมายเลขทะเบียนรถ ข้อกล่าวหาที่กระทำความผิด อัตราค่าปรับ สถานที่กระทำความผิด วันเวลาที่กระทำผิด และลงท้ายด้วยชื่อของเจ้าพนักงานตำรวจที่ดำเนินการออกใบสั่ง และด้านล่างก็มีคิวอาร์โค้ดที่ให้สแกนจ่ายค่าปรับได้ทันที ไม่ต้องกลัวเรื่องการเรียกรับเงินที่ด่านตรวจ ซึ่งสามารถดำเนินการได้อย่างโปร่งใส และผู้ที่ถูกออกใบสั่งก็ยังสามารถตรวจสอบได้ว่า ตนเองกระทำความผิดจริงหรือไม่ และใบสั่งจริงหรือไม่ ก็มีช่องทางการตรวจสอบคะแนน สามารถตรวจสอบได้ผ่านทางเว็บไซต์ E-Ticket PTM ซึ่งพัฒนาโดยธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สามารถตรวจสอบใบสั่งค้างชำระ จ่ายค่าปรับ ตรวจสอบคะแนนความประพฤติ และตรวจสอบสถานะใบขับขี่ ตรวจสอบผ่านแอพพลิเคชั่น ขับดี (KHUB DEE) ซึ่งพัฒนาโดย NT เพื่อให้บริการข้อมูลข่าวสาร ตรวจสอบใบสั่งค้างชำระ และคะแนนความประพฤติ และดำเนินการด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่ อันเป็นประโยชน์ที่ทันสมัย และตรวจสอบผ่านแอพพลิเคชั่น เป๋าตัง ให้บริการชำระค่าปรับผ่านระบบออนไลน์ ไม่ต้องกลัวว่าจะมีการปลอมแปลงคิวอาร์โค้ดของแก๊งต้มตุ๋นหลอกลวง เพราะทุกขั้นตอนสามารถตรวจสอบได้อย่างชัดเจน
สาระสำคัญของระบบนี้ คือ กำหนดให้ผู้ที่มีใบอนุญาตขับขี่แต่ละราย จะมีคะแนนความประพฤติคนละ 12 คะแนน (ไม่ว่าผู้นั้นจะได้รับใบอนุญาตขับขี่กี่ชนิดก็ตาม) หากทำผิดตามกฎจราจรในข้อหาที่ระบุไว้ จะถูกตัดคะแนนตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด โดยการตัดคะแนน จะแบ่งการตัดคะแนนเป็น 4 กลุ่ม ตัดคะแนนตั้งแต่ 1-4 คะแนน ได้แก่ ตัด 1 คะแนน เช่น ขับรถเร็วเกินกำหนด ไม่สวมหมวกนิรภัย, ไม่รัดเข็มขัดนิรภัย, ไม่หยุดให้คนข้ามทางม้าลาย, ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ ตัด 2 คะแนน เช่น ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร (ฝ่าไฟแดง) ตัด 3 คะแนน เช่น ขับรถชนแล้วหนี และตัด 4 คะแนน เช่น เมาแล้วขับ ขับรถในขณะเสพยาเสพติด ส่วนกลุ่มความผิดอื่นๆ ตามกฎหมายว่าด้วยจราจรทางบก และกฎหมายที่เกี่ยวกับรถหรือการใช้ทาง จำนวน 42 ฐานความผิด ตามบัญชีท้ายระเบียบ ความผิดกลุ่มนี้ จะถูกตัดคะแนนเฉพาะกรณีไม่ชำระค่าปรับตามใบสั่งในเวลาที่กำหนดเท่านั้น เช่น ฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจรในทาง จอดในที่ห้ามจอด ไม่แสดงใบอนุญาตขับขี่ขณะขับรถ เป็นต้น วิธีการตัดคะแนนนั้น จะดำเนินการโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยใช้ระบบฐานข้อมูลใบสั่ง PTM ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการบันทึกการทำผิดกฎจราจรและตัดคะแนนในแต่ละครั้ง
ส่วนการสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ หากผู้ขับขี่ถูกตัดคะแนนจนเหลือ 0 คะแนน จะถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ หรือห้ามขับรถ (ทุกประเภท) เป็นเวลา 90 วัน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเป็นผู้มีหนังสือแจ้งคำสั่งดังกล่าว และหากฝ่าฝืนไปขับรถในขณะถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 156 หากถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่เป็นครั้งที่ 3 ภายใน 3 ปี อาจจะถูกสั่งพักใช้มากกว่า 90 วัน และหากยังถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่อีกเป็นครั้งที่ 4 อาจถูกพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่.