ออนแอร์ให้ได้ดูกันไปแล้วสำหรับซีรีส์แนว Girl Love เรื่องแรกของไทยอย่าง ทฤษฎีสีชมพู (GAP The Series) นำแสดงโดย 2 นางเอก ฟรีน-สโรชา จันทร์กิมฮะ และ เบ็คกี้-รีเบคก้า แพทรีเซีย อาร์มสตรอง ที่ได้รับกระแสตอบรับดีมากตั้งแต่อีพีแรกที่ออกอากาศจนเป็นกระแสติดเทรนด์ทวิตเตอร์ในไทย จนมีแฟน ๆ อยากทำความรู้จักทั้ง 2 สาวสวยกันให้มากขึ้นวันนี้ yimyim เลยขออาสาพามาค้นหาตัวตนความชอบที่มาที่ไปของทั้งคู่กัน

แนะนำตัวกับแฟน ๆ เดลินิวส์ออนไลน์สักหน่อย?

ฟรีน : สวัสดีค่ะ “ฟรีน-สโรชา จันทร์กิมฮะ” อายุ 24 ปี ค่ะ

เบ็คกี้ : สวัสดีค่ะ “เบ็คกี้-รีเบคก้า แพทรีเซีย อาร์มสตรอง” อายุ 19 ปี ค่ะ

การศีกษามาจากไหนกันเอ่ย?

ฟรีน : ฟรีนเรียนจบจาก มหาวิทยาลัยรังสิต สาขาการประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร ค่ะ

เบ็คกี้ : ตอนนี้เบ็คกี้เรียนเกี่ยวกับกฎหมาย ที่ประเทศอังกฤษ ค่ะ

เข้ามาในวงการบันเทิงได้ยังไง?

ฟรีน : มาจากตอนแรก ๆ คุณแม่ให้เข้าประกวดมิสทีนไทยแลนด์ค่ะ ประกวดทั้งหมด 2 ปี ได้เข้าไปเป็น 15 คนสุดท้าย แล้วพี่ ๆ ที่มิสทีนก็ให้โอกาสไปเล่นมิวสิกวิดีโอ  หลังจากนั้นก็มีโอกาสได้แคสต์งานโฆษณาอื่น ๆ ต่อ จนมาเจอพี่เชน (ผู้จัดและผู้จัดการ) เลยมีโอกาสมาเล่นซีรีส์เรื่อง “แอบหลังรัก” เป็นตัวรอง ๆ ก่อนจะมารับบนนำในเรื่อง “ทฤษฎีสีชมพู” นี้ค่ะ

เบ็คกี้ : มาจากการแคสติ้งค่ะ ได้โอกาสมาเล่นซีรีส์เรื่อง “แอบหลังรัก” เป็นเพื่อนสนิทพี่ฟรีน แล้วพี่เชนก็ให้โอกาสมาเป็นตัวหลักคู่กับพี่ฟรีนในเรื่องนี้ค่ะ

พูดถึงบทบาทของตัวเองใน ทฤษฎีสีชมพู?

ฟรีน : ในเรื่องรับบทเป็น คุณสาม หรือ หม่อมสาม ค่ะ โดยตัวคุณสามเขาจะมีความดาร์ก ๆ นิ่ง ๆ หน้าไม่ยิ้ม โลกของเขาจะดูเทา ๆ หน่อย เพราะว่าเป็นคนมีปมในใจ และด้วยบทต้องเป็นเจ้าของบริษัทก็ต้องดูเป็นคนแข็ง ๆ มีบารมี ทำให้ดูน่าเคารพ น่าเชื่อถือค่ะ 

เบ็คกี้ : รับบทเป็น ม่อน ค่ะ เป็นพนักงานฝึกงานที่บริษัทของคุณสาม คาแรกเตอร์ม่อนจะเป็นคน สดใส ร่าเริง ทำให้ทุกคนยิ้มได้ค่ะ

เรื่องราวของซีรีส์เรื่องนี้เป็นอย่างไร?

ฟรีน-เบ็คกี้ : เป็นเรื่องราวความรักของคน 2 คนที่เกิดขึ้นในบริษัทค่ะ ที่เคยบอกไว้ว่าคุณสามเขาจะมีความดำ ๆ เทา ๆ ใช่ไหมคะ มาเจอกับน้องม่อนที่มีความสีชมพู เป็นเรื่องราวของความรักแบบค่อย ๆ พัฒนาเข้าหากันค่ะ แต่ระหว่างทางก็จะมีปม มีเส้นเรื่องอื่น ๆ เพิ่มเข้ามาด้วย เช่น เรื่องความแตกต่างของทั้ง 2 ครอบครัว การถูกเลี้ยงดูมาต่างกันมาก มีเรื่องของเพื่อนด้วย ก็ต้องรอติดตามว่าจะเป็นยังไงค่ะ

เข้ามาเล่นซีรีส์เรื่องนี้ได้ยังไง?

ฟรีน-เบ็คกี้ : ตอนแรกเลยเรา 2 คนเล่นในซีรีส์ “แอบหลังรัก” มาก่อน ตอนนั้นเป็นเพื่อนสนิทกันค่ะ แล้วทีนี้มันดูมีเคมีอะไรบางอย่าง ทางพี่เชน (ผู้จัดและผู้จัดการ) เขาก็เลยหานิยายมาให้เรา 2 คนเล่นคู่กัน ก็เลยได้มาเป็นตัวหลักใน “ทฤษฎีสีชมพู” (GAP The Series) นี้ค่ะ

จำวันแรกที่เข้าฉากด้วยกันได้ไหม?

ฟรีน-เบ็คกี้ : จำได้ค่ะ เป็นฉากในออฟฟิศค่ะ ถือเป็นฉากเปิดตัวของพวกเราทั้ง 2 คนเลย วันนั้นคือตื่นเต้นมาก เพราะห่างหายจากการแสดงไปสักพักใหญ่ ๆ แล้ว ยังเข้าคาแรกเตอร์กันไม่ค่อยถูก ไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไง แสดงแบบไหนดี แต่เราก็พยายามค่อย ๆ ปรับตัวไปกับบทโดยมีผู้กำกับคอยให้คำแนะนำค่ะ จนเรา 2 คนก็ค่อย ๆ มั่นใจที่จะแสดงมากขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ

มาที่เรื่องส่วนตัวกันบ้าง สีที่ชอบ?

ฟรีน : ตอนนี้ฟรีนชอบสีขาว กับ ดำ ค่ะ เพราะรู้สึกว่ามันเป็นสีที่เบสิก แต่งตัวง่ายแล้วก็เข้าได้กับทุกสถานการณ์

เบ็คกี้ : หนูชอบสีชมพูค่ะ

อาหารและเครื่องดื่มที่ชอบ?

ฟรีน : น่าจะเป็นพวกส้มตำ หรือ ยำ เป็นคนชอบอาหารรสชาติแซ่บ ๆ ส่วนเครื่องดื่ม ฟรีนชอบชามะลิค่ะ

เบ็คกี้ :  เบ็คชอบกินปลาแซลมอน แล้วก็ชอบชานมมาก ๆ ค่ะ 

กิจกรรมยามว่าง?

ฟรีน : ชอบอ่านหนังสือ วาดรูป เดินดูงานศิลปะที่เป็นพวกงานรูปวาด แล้วก็ภาพถ่ายด้วยค่ะ

เบ็คกี้ :  ดูหนัง ฟังเพลงค่ะ

นิยามความเป็นตัวเองแบบสั้น ๆ?

ฟรีน : เป็นคนตลกที่มาจากอินเนอร์ข้างในค่ะ (หัวเราะ) เป็นคนขี้เทคแคร์ ชอบเอาใจใส่คนอื่น ชอบดูแลคนอื่นมากกว่าดูแลตัวเองค่ะ

เบ็คกี้ : เป็นคนแบบ Introvert ค่ะ แบบจะค่อนข้างเก็บตัวนิดนึง ชอบใช้เวลาอยู่กับตัวเองประมาณนั้นค่ะ

ฝากซีรีส์สักหน่อย?

ฟรีน-เบ็คกี้ : ทุกคนจะได้รับชมกันแบบครบรสจริง ๆ จากในนิยายมีเรื่องราวที่สนุกอยู่แล้ว เราจะมาขยายให้มันใหญ่ขึ้น ขยายมันให้ชัดเจนขึ้น ทำ “ทฤษฎีสีชมพู” มันครบสมบูรณ์มากขึ้น ต้องรอดูกันว่าตัวละครแต่ละตัวจะมีปมอะไร มีบทบาทยังไง มีเส้นเรื่องแบบไหน บอกเลยว่าลุ้นตามทุก EP แน่นอนค่ะ อย่างที่บอกว่าพวกเราตั้งใจกันมาก ๆ ทุ่มเทกับการเป็น คุณสาม และ เป็นน้องม่อน เชื่อว่านักแสดงทุกคนก็ทุ่มเทเหมือนที่เราทุ่มเท รวมถึง ผู้กำกับ ทีมงาน ทุกคนอยากให้มันออกมาดีที่สุด ก็ขอฝากซีรีส์ด้วยนะคะ”

แหม..จัดเต็มและได้รู้จักสองสาวมากขึ้นแล้ว ใครยังไม่เคยดูซีรีส์เรื่องนี้ต้องไปดูย้อนหลังแล้วล่ะจ้ะ บอกเลยสนุก ครบรสมาก ๆ และอยากให้ทุกคนได้มีความรักให้กัน โลกเราจะได้น่าอยู่นะคะ


คอลัมน์ “1 Day With ซุปตาร์”

โดย “yimyim”