โดยล่าสุดมีการเปิดเผยจากเทศบาลเมืองพัทยาว่า…ในจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมช่วง 9 เดือนแรกกว่า 8 แสนคนนั้น “นักท่องเที่ยวอินเดียมาเป็นอันดับ 1” แซงจีน และ รัสเซีย ที่เคยครองแชมป์มาหลายปีแบบทิ้งฝุ่น ซึ่งก็เป็นข่าวดีของภาคธุรกิจท่องเที่ยว และนอกจากนี้ นอกจากภาคการท่องเที่ยวแล้ว กับ “ภาคอุตสาหกรรมอื่น ๆ” ของประเทศไทยนั้น…

“ตลาดอินเดีย” ก็ “มีโอกาส-มีความหวัง”

รวมถึงกับ “อุตสาหกรรมเครื่องเงินไทย”

ที่ “ป๊อปปูลาร์” ใน “คนอินเดียรุ่นใหม่”…

เกี่ยวกับ “โอกาสไทย” กับ “ตลาดเครื่องเงินในอินเดีย” ที่ทาง “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” จะสะท้อนต่อในวันนี้ เป็นข้อมูลจากบทความ “เครื่องประดับเงินกับโอกาสที่เฟื่องฟูในแดนภารตะ” โดย พุทธิพร วิชัยดิษฐ ที่เผยแพร่อยู่ใน เว็บไซต์สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (GIT) ที่ได้ระบุไว้ว่า… อินเดียเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคเครื่องประดับเงินรายใหญ่ของโลก โดยที่ผ่านมาตลาดอัญมณีและเครื่องประดับของอินเดียซบเซาลงด้วยผลกระทบจากโควิด-19 ก่อนจะเริ่มฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2021 โดยเฉพาะตลาด “เครื่องประดับเงิน” ที่เกิดกระแสนิยมมากในคนอินเดีย ซึ่งอุตสาหกรรมนี้ “กลับมาเฟื่องฟูมากขึ้น” โดยที่กลุ่ม “ชนชั้นกลางอินเดียรุ่นใหม่ให้ความนิยมกันมาก”

ทั้งนี้ ทาง พุทธิพร ฉายภาพ “กระแสนิยมเครื่องประดับเงินในอินเดีย” ที่เกิดขึ้นหลังวิกฤติโควิด-19 ไว้อีกว่า… ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดเครื่องประดับชนิดนี้กลับมาคึกคักและเติบโตขึ้นอีกครั้งนั้น มาจากการที่รายได้ของประชากรอินเดียเพิ่มสูงขึ้น กับการที่มีจำนวนชนชั้นกลางเพิ่มมากขึ้น ซึ่งประชากรชนชั้นกลางในอินเดียขณะนี้มีจำนวนกว่า 1,610 ล้านคน (ข้อมูล ณ เดือนกันยายน ปี 2022) โดยชนชั้นกลางเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของอินเดีย จนทำให้เศรษฐกิจอินเดียมีอัตราเติบโตสูงขึ้น 8.5% ต่อปี ซึ่ง… เมื่อรายได้เพิ่มขึ้น…ก็ยิ่งทำให้คนอินเดียอยากจับจ่ายใช้สอย…

“คนชั้นกลางอินเดียคือ อันดับ 2 โลก”…

ที่ “มีมูลค่าการใช้จ่ายสูงติดอันดับโลก”

ส่วน “กระแสนิยมเครื่องประดับเงินในหมู่คนอินเดีย” โดยเฉพาะ “กลุ่มมิลเลนเนียล-กลุ่มคนเจน Z” ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้น กรณีนี้มีการระบุไว้ว่า… ตลาดเครื่องประดับเงินในอินเดียได้รับการตอบรับเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะใน กลุ่มหนุ่มสาว ที่เป็น กลุ่มประชากรที่ใหญ่ที่สุดของอินเดีย ซึ่งจำนวนประชากรทั้ง 2 กลุ่มรวมกันมีกว่า 970 ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วนรวมกันเกินครึ่งของประชากรอินเดียทั้งประเทศ จึงทำให้ “ตลาดเครื่องเงินในอินเดียเติบโตอย่างก้าวกระโดด”

มีข้อมูลจากผลการสำรวจของแบรนด์เครื่องประดับเงินที่มีชื่อเสียงในอินเดีย อย่าง Divas Mantra ที่ได้มีการสำรวจผู้บริโภคในเมืองสำคัญ ๆ ทั่วประเทศอินเดีย เช่น เบงกาลูรู, เจนไน, ไฮเดอราบัด, กัลกัตตา, มุมไบ และนิวเดลี ซึ่งพบว่า…กว่า 45% ของวัยมิลเลนเนียล และเจน Z นั้น “นิยมลงทุนในเครื่องประดับ” โดยเฉพาะ “เครื่องประดับเงินชุบทอง”

ขณะที่ในแง่ “การสวมใส่เพื่อประดับ” นั้น พบว่า… คนอินเดียกลุ่มนี้กว่า 64% นิยมเครื่องประดับเงินมากกว่าเครื่องประดับทอง โดยให้เหตุผลที่เลือกเครื่องประดับเงินว่าเพราะมีดีไซน์ดูทันสมัย มีลวดลายหลายแบบให้เลือก ประยุกต์เข้ากับการแต่งกายในชีวิตประจำวันได้ดีกว่า ที่สำคัญ ราคาสามารถเข้าถึงได้มากกว่า เมื่อเทียบกับเครื่องประดับทอง

สำหรับ “เม็ดเงิน” ที่คนอินเดีย “พอใจที่จะจ่ายซื้อเครื่องประดับเงิน” ในบทความระบุไว้ว่า…จากผลสำรวจนั้น คนอินเดียเต็มใจจะจ่ายเพื่อซื้อเครื่องประดับเงินต่อปี เพื่อใช้ในพิธีสำคัญ อยู่ที่ 71,000 รูปี (ราว 34,769 บาท) และ เพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน อยู่ที่ 38,000 รูปี (ราว 18,609 บาท) …โดยที่ “อินเทรนด์สวมใส่มากสุด” เป็น “เครื่องประดับเงินรมดำ”

อีก “ปัจจัย” ที่ทำให้ “เครื่องประดับเงินเกิดกระแสอินเทรนด์” ส่วนหนึ่งมาจาก “ศิลปินดารา Bollywood” พากันสวมใส่เครื่องประดับเงิน หรือใช้เครื่องประดับเงินตกแต่งร่างกาย จนกระแสความนิยมแพร่ขยายวงไปทั่วประเทศ ขณะที่อีกปัจจัยคือการที่ “รัฐบาลอินเดียปรับอัตราภาษีนำเข้าทองคำเพิ่มขึ้น” เพื่อลดการขาดดุลการค้าและการอ่อนค่าของเงินรูปีของอินเดีย ทำให้ เครื่องประดับทองมีต้นทุนสูงขึ้น จึงทำให้ผู้บริโภคอินเดียหันมาสนใจเครื่องประดับเงินเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ พุทธิพร ได้ระบุไว้ในบทความถึง “ความหวังของไทย” กับ“ตลาดเครื่องประดับเงินในอินเดีย” ว่า… จากข้อมูลของ Global Trade Atlas เดือน ม.ค.-ส.ค. 2022 พบว่า… อินเดียนำเข้าเครื่องประดับเงินจากตลาดโลกคิดเป็นมูลค่า 88,608,367 ดอลลาร์สหรัฐ โดย นำเข้าจากไทยเป็นอันดับ 1 สัดส่วน 68.17% รองลงมาคือ อิตาลี สหรัฐอเมริกา ซึ่งสาเหตุที่ คนอินเดียนิยมเครื่องประดับเงินของไทย มาจากการที่ ช่างฝีมือไทยมีความชำนาญและความประณีตสูง ในการทำเครื่องประดับเงิน อีกทั้ง เครื่องเงินไทยมีทั้งรูปแบบดั้งเดิมและสมัยใหม่ให้เลือก อีกด้วย …ซึ่งนี่เป็น “จุดเด่น”

สินค้าไทย “เครื่องประดับเงินของไทย”

“มีโอกาสอันดี” ที่จะ “รุกตลาดอินเดีย”

ช่วย “แปลงเงินรูปีฟื้นเศรษฐกิจไทย”.