ด้วยองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) เป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 เพื่อทำหน้าที่องค์การสื่อสาธารณะด้านวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ มีฐานะเป็นหน่วยงานของรัฐ ที่ไม่ใช่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ แต่ดำเนินการภายใต้ทุน ทรัพย์สิน และรายได้ขององค์การ มีความประสงค์จะรับสมัครบุคคลเพื่อคัดเลือกและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ ส.ส.ท. อาศัยอำนาจตามข้อบังคับองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการรับสมัคร และการสรรหาผู้อำนวยการ ส.ส.ท. พ.ศ.2564 ข้อ 5. วรรค 2 กำหนดการ วัน เวลา วิธีการสมัครและการเสนอชื่อ ให้เป็นไปตามประกาศของประธานกรรมการสรรหาผู้อำนวยการ ส.ส.ท. ดังนั้น คณะกรรมการสรรหาฯ จึงกำหนดรายละเอียดการรับสมัคร ดังนี้
คุณสมบัติทั่วไปของผู้สมัคร
พระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 มาตรา 32 กำหนดให้ผู้อำนวยการต้องเป็นผู้สามารถทำงานให้แก่องค์การฯ ได้เต็มเวลาและเป็นผู้นำและรับผิดชอบในการบริหารกิจการขององค์การฯ และการผลิตรายการตามนโยบายของคณะกรรมการนโยบาย และต้องเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้
1. มีสัญชาติไทย
- มีอายุไม่เกิน 65 ปีบริบูรณ์ ในวันที่ได้รับการแต่งตั้ง
3. มีความรู้ความเข้าใจและมีความเชี่ยวชาญหรือมีประสบการณ์ในกิจการวิทยุกระจายเสียงกิจการวิทยุโทรทัศน์หรือการสื่อสารมวลชน
4. ไม่มีลักษณะต้องห้ามอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
4.1 ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
4.2 ไม่เป็นบุคคลที่เคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป โดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึง 5 ปี ในวันยื่นใบสมัคร เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท
4.3 ไม่เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือ รัฐวิสาหกิจ เพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง หรือถือว่ากระทำการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ
4.4 ไม่เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากงาน เพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือถือว่ากระทำการทุจริตและประพฤติมิชอบในการปฏิบัติงาน
4.5 ไม่เคยต้องคำพิพากษา หรือคำสั่งของศาลให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ
5. ไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น กรรมการหรือผู้ดำรงตำแหน่งซึ่งรับผิดชอบการบริหารพรรคการเมือง ที่ปรึกษาพรรคการเมืองหรือเจ้าหน้าที่พรรคการเมือง
6. ไม่เป็นกรรมการในรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่นของรัฐ เจ้าหน้าที่ หรือลูกจ้างขององค์การ หรือที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญที่มีสัญญาจ้างกับองค์การฯ
7. ไม่เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในกิจการที่กระทำกับองค์การฯ หรือในกิจการที่เป็นการแข่งขันกับกิจการขององค์การฯ ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม เว้นแต่การเข้าบริหารหรือเข้าร่วมดำเนินกิจการร่วมทุนกับบุคคล หรือนิติบุคคลอื่นตามที่คณะกรรมการนโยบาย หรือคณะกรรมการบริหารมอบหมาย
ดังนั้น ณ วันที่ยื่นใบสมัครผู้สมัครจะต้องมีคุณสมบัติตามข้อ 1 – 4 ทุกข้อ ในกรณีที่ผู้สมัครไม่มีคุณสมบัติตามข้อ 5 – 7 และได้รับการคัดเลือกเข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการ ส.ส.ท. ผู้ได้รับการคัดเลือกจะต้องลาออกจากตำแหน่งที่มีลักษณะต้องห้าม ก่อนได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการนโยบาย หากผู้ได้รับการคัดเลือกไม่ดำเนินการให้แล้วเสร็จครบถ้วน ถือเป็นการขาดคุณสมบัติ ให้ถือเป็นเหตุยกเลิกการคัดเลือก หรือเป็นเหตุที่จะบอกเลิกสัญญาจ้างได้
คุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งของผู้สมัคร
มีความรู้และประสบการณ์ในการบริหารจัดการองค์กรหรือกิจการ ดังต่อไปนี้
- เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารระดับสูงในหน่วยงานประเภทใดประเภทหนึ่งดังต่อไปนี้
1.1 เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารจากส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ โดยดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองผู้บริหารสูงสุดขององค์กรนั้น เป็นระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 3 ปี
1.2 เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารจากหน่วยงานภาคเอกชนที่มีรายได้ไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาทต่อปี หรือมีพนักงานในองค์กรไม่ต่ำกว่า 200 คน โดยดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองผู้บริหารสูงสุดขององค์กรนั้น เป็นระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 3 ปี นับถึงวันยื่นใบสมัคร
1.3 เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารสถาบันวิชาการด้านสื่อสารมวลชนหรือนิเทศศาสตร์ โดยดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าคณบดี เป็นระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 3 ปี นับถึงวันยื่นใบสมัคร - ผู้มีคุณสมบัติตาม ข้อ (1) ต้องมีประสบการณ์ในการบริหารไม่น้อยกว่า 10 ปี โดยมีผลสำเร็จในการบริหารงานเป็นที่ประจักษ์
- มีความรู้ความเข้าใจเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 เข้าใจภูมิทัศน์สื่อ ความเป็นสื่อสาธารณะ และมีประสบการณ์การบริหารเชิงกลยุทธ์
วาระการดำรงตำแหน่ง
ผู้อำนวยการอยู่ในตำแหน่งตามระยะเวลาที่กำหนดในสัญญาจ้าง ซึ่งต้องไม่เกินคราวละ 4 ปี แต่อาจได้รับแต่งตั้งอีกได้
การสมัครเข้ารับการคัดเลือก
ระยะเวลาในการสมัครเข้ารับการคัดเลือกเข้าดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ ส.ส.ท. ตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ. – 5 มี.ค. 64 (รวมเวลา 30 วัน) โดยสามารถสมัครด้วยตนเองหรือสมัครโดยการเสนอชื่อจากองค์กร ดังนี้
การสมัครด้วยตนเอง
ผู้ที่สนใจสมัครเข้ารับการคัดเลือก จะต้องยื่นใบสมัครตามแบบที่คณะกรรมการสรรหาฯ กำหนด พร้อมเอกสารประกอบการสมัคร ได้แก่ - ใบสมัครเพื่อเข้ารับการสรรหา ตามแบบขององค์การฯ ที่ผู้สมัครกรอกข้อมูลครบถ้วนแล้ว พร้อมรูปถ่ายสีของผู้สมัคร หน้าตรง ไม่สวมหมวก ขนาด 2 นิ้ว ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือนนับถึงวันยื่นใบสมัคร
- ประวัติการทำงานของผู้สมัคร จำนวน 1 ชุด
- สำเนาหลักฐานการศึกษา และการฝึกอบรม จำนวน 1 ชุด
- สำเนาทะเบียนบ้าน จำนวน 1 ชุด
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือหนังสือรับรองสถานภาพอื่นใดที่หน่วยงานของรัฐออกให้ จำนวน 2 ชุด
- หลักฐานอื่นๆ เช่น ใบสำคัญสมรส ใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล (กรณีที่ชื่อ-นามสกุลในหลักฐานการสมัครไม่ตรงกัน) จำนวน 1 ชุด
- หลักฐานแสดงคุณสมบัติ กรณีเป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารระดับสูงในหน่วยงานประเภทใดประเภทหนึ่ง หรือมีหนังสือรับรองจากต้นสังกัด หรือการรับรองจากต้นสังกัด หรือการรับรองตนเองตามแบบฟอร์มขององค์การฯ จำนวน 1 ชุด
- ผลงาน/โครงการสำคัญ ในความรับผิดชอบหรือประสบการณ์และความสำเร็จที่เป็นประโยชน์ต่อการบริหารงาน และ/หรือ เป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม จำนวน 1 ชุด
- เอกสารนำเสนอวิสัยทัศน์และแนวคิดเชิงกลยุทธ์ของผู้สมัคร ซึ่งแสดงถึงความรู้ความเข้าใจในวัตถุประสงค์และพันธกิจขององค์กรสื่อสาธารณะ การมีส่วนร่วม ความคิดสร้างสรรค์ ภาวะผู้นำและทักษะด้านการสื่อสาร รวมทั้งเทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคม ตลอดจนการเสนอเป้าหมายในการนำพาองค์การฯ ให้บรรลุพันธกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ในการบริหารจัดการ ส.ส.ท.ความยาวไม่เกิน 7 หน้ากระดาษพิมพ์ (A4) ขนาดตัวอักษร TH Sarabun 16 จำนวน 1 ชุด
- ให้ส่งใบสมัคร พร้อมเอกสารหลักฐานภายใน 30 วัน นับแต่วันรับสมัคร (ในกรณีที่ส่งใบสมัครทางไปรษณีย์ ให้ถือวันที่ลงประทับตราไปรษณีย์)
การสมัครโดยการเสนอชื่อจากองค์กร
องค์กรที่เป็นหน่วยงานรัฐ เอกชน องค์กรสาธารณะประโยชน์ หรือสถาบันวิชาการ มีสิทธิเสนอชื่อบุคคลหนึ่งรายชื่อ โดยบุคคลผู้ถูกเสนอชื่อยื่นใบสมัครพร้อมเอกสารประกอบตามหัวข้อการสมัครด้วยตนเอง และหัวหน้าองค์กรที่เสนอชื่อลงนามรับรอง ตามแบบใบคำขอเสนอชื่อที่คณะกรรมการสรรหาฯ กำหนด ทั้งนี้ในการเสนอชื่อบุคคลเพื่อเข้ารับการสรรหา จะต้องได้รับความยินยอมจากบุคคลนั้นด้วย
การส่งใบสมัครและเอกสารประกอบ
ผู้สนใจส่งใบสมัครและใบคำขอเสนอชื่อ (ถ้ามี) และเอกสารประกอบได้ 2 วิธี คือ
1. การยื่นด้วยตนเอง ให้ยื่นใบสมัครและใบคำขอเสนอชื่อ (ถ้ามี) ณ องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ชั้น 1 อาคารอำนวยการ (แผนที่) ตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ. – 5 มี.ค. 65 เวลา 09.00 – 18.00 น. (เว้นวันหยุดราชการและวันหยุดนักขัตฤกษ์) และให้นำส่งข้อมูลหลักฐานการสมัครทั้งหมดในรูปแบบไฟล์ PDF มายังอีเมล [email protected] ภายในวันที่ 5 มี.ค. 64
2. การยื่นทางไปรษณีย์ ให้ส่งใบสมัครและใบคำขอเสนอชื่อ (ถ้ามี) ทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ประทับตราไปรษณีย์ ภายในวันที่ 5 มี.ค. 64 โดยจ่าหน้าซองถึงประธานกรรมการสรรหาผู้อำนวยการ ส.ส.ท. องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย เลขที่ 145 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210 และให้นำส่งข้อมูลหลักฐานการสมัครทั้งหมดรวมถึงหลักฐานการส่งไปรษณีย์ ในรูปแบบไฟล์ PDF มายังอีเมล [email protected] ภายในวันที่ 5 มี.ค. 64
ผู้สมัครต้องรับผิดชอบในการตรวจสอบและลงลายมือชื่อรับรองเอกสารหลักฐานให้ถูกต้องครบถ้วนทุกหน้าตามจำนวนที่กำหนดในวันยื่นใบสมัคร
ในกรณีที่ปรากฏว่าผู้สมัครรายใดแสดงเอกสารหลักฐาน คุณสมบัติ อย่างใดไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง ผู้สมัครรายนั้นไม่มีสิทธิเข้ารับการพิจารณาคัดเลือก
เอกสารในการสมัครคณะกรรมการสรรหาฯ จะไม่ส่งคืน
การพิจารณาคัดเลือก
- การคัดเลือกในรอบแรก
คณะกรรมการสรรหาฯ จะพิจารณาผู้สมัครซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 32 ของพระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ.2551 โดยพิจารณาความเหมาะสมจากใบสมัครและเอกสารประกอบการสมัครตามข้อ 4 เป็นเกณฑ์ และจะจัดทำบัญชีรายชื่อผู้สมัครที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้าแสดงวิสัยทัศน์ - การพิจารณาคัดเลือกในรอบสอง
คณะกรรมการสรรหาฯ จะพิจารณาข้อมูลจากเอกสารการนำเสนอ และการตอบคำถามของผู้สมัครที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้าแสดงวิสัยทัศน์ เพื่อประกอบการกลั่นกรองชื่อผู้สมควรดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ ส.ส.ท.ให้เหลือไม่น้อยกว่า 2 คน และไม่เกิน 5 คน แล้วนำส่งรายชื่อพร้อมเหตุผลประกอบ รวมทั้งวีดิทัศน์การแสดงวิสัยทัศน์ต่อคณะกรรมการนโยบาย
การคัดเลือกในรอบสุดท้าย ให้ผู้สมัครที่ผ่านการกลั่นกรองจากคณะกรรมการสรรหาแล้ว เข้าแสดงตัวและรับการสัมภาษณ์โดยคณะกรรมการนโยบาย เพื่อคัดเลือกแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการต่อไป
สิทธิในการคัดเลือก
คณะกรรมการสรรหาฯ มีหน้าที่พิจารณากลั่นกรองคุณสมบัติและคัดเลือกผู้สมัครหรือบุคคลผู้ถูกเสนอชื่อ เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการนโยบาย และคณะกรรมการนโยบาย ทรงไว้ซึ่งสิทธิเด็ดขาดที่จะคัดเลือก หรือไม่คัดเลือกบุคคลตามประกาศนี้ได้