“วินาทีที่เข้มแข็งที่สุดไม่ใช่วินาทีแห่งชัยชนะ แต่เป็นวินาทีที่ไม่ยอมแพ้…ไม่มีใครที่จะชนะตลอดหรอก คนที่ไม่ถอดใจเท่านั้นจะได้พบชัยชนะที่แท้จริง”

กระแสสกุลเงินดิจิทัล หรือ Cryptocurrency มีแนวโน้มได้รับความสนใจมากขึ้น โดยนักลงทุนบางกลุ่มยอมทุ่มเงินกับเครื่องขุดเหรียญและสถานที่สำหรับทำเหมืองขุดโดยเฉพาะ ส่วนผู้ลงทุนกลุ่มที่มีข้อจำกัดด้านสถานที่ก็ยังมีทางเลือกในการลงทุนเพราะมีผู้ให้บริการรับฝากวางเครื่องขุดเหรียญให้เลือกมากมาย

แต่การจะเลือกใช้ผู้ให้บริการเหล่านี้ต้องพิจารณาอย่างละเอียด ทั้งความน่าเชื่อถือ ความปลอดภัย ราคากับการให้บริการที่ควรคุ้มค่า และที่สำคัญคือการใช้ไฟฟ้าที่ถือเป็นปัจจัยสำคัญและผู้ให้บริการเหมืองต้องดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพราะรู้หรือไม่ว่าหากเลือกใช้ผู้ให้บริการเหมืองลักลอบใช้ไฟฟ้าของหลวงนั้น ก็มีสิทธิที่คุณจะกลายเป็นผู้กระทำความผิดร่วมไปด้วย

เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา กรมสอบสวนคดีพิเศษก็ได้เปิดยุทธการปราบโกงสายฟ้าฟาด หรือ ปฏิบัติการ “Electrical Shock” เข้าตรวจค้นอาคารพาณิชย์ต้องสงสัยว่าจะลักกระแสไฟฟ้าเพื่อใช้เป็นจุดทำเหมืองขุดเงินดิจิทัล 41 จุด ในพื้นที่ จ.นนทบุรี และกรุงเทพมหานคร ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ปีละกว่า 500 ล้านบาท 

เรื่องมันเริ่มจากกรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับคำร้องเรียนการกระทำความผิดทางเทคโนโลยี มีการลักลอบตั้งเหมืองขุดเงินดิจิทัลโดยเฉพาะบิตคอยน์โดยผิดกฎหมาย มีการนำเครื่องมือที่ใช้ในการขุดบิตคอยน์มาจากต่างประเทศ และมีการลักลอบใช้กระแสไฟฟ้า ทำให้ประเทศได้รับความเสียหาย 

เมื่อตรวจสอบก็พบจุดต้องสงสัยจำนวนมากกระจายตัวในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ซึ่งการทำเหมืองขุดบิตคอยน์ดังกล่าวจะใช้กระแสไฟฟ้าปริมาณมากขนาดเทียบเท่ากับโรงงานอุตสาหกรรม แต่มีการลักลอบต่อไฟตรงโดยไม่ผ่านมิเตอร์วัดไฟ เป็นการลักกระแสไฟฟ้า เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ และอาจมีความผิดอาญาอื่นที่เกี่ยวข้องอีกหลายฐานความผิด

จากการสืบสวนพบกลุ่มนายทุนที่มีพฤติการณ์จัดหาอาคารพาณิชย์ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยเช่าไว้เพื่อใช้เป็นจุดวางเครื่องขุดเงินดิจิทัล ซึ่งปัจจุบันมีการลักลอบใช้กระแสไฟฟ้าเพื่อทำเหมืองขุดเงินดิจิทัลจำนวนมากในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ นำเข้าเครื่องขุดเงินมาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากสาธารณรัฐประชาชนจีน มาติดตั้งในอาคารพาณิชย์ที่มีค่าเช่าในราคาไม่สูงนัก 

จากนั้นจะทำการลักลอบต่อไฟตรงเข้าตัวอาคาร เพื่อเป็นการลดต้นทุนค่าไฟฟ้าในการขุดเงินสกุลดิจิทัล แล้วปล่อยให้เครื่องขุดเปิดทำงานตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่มีผู้พักอาศัยในอาคารดังกล่าว

การกระทำนี้นอกจากจะผิดกฎหมายแล้วยังทำให้เกิดความเสี่ยงการเกิดอัคคีภัย เนื่องจากเหมืองขุดเงินสกุลดิจิทัลมีการใช้ไฟฟ้าสูงเทียบเท่ากับการใช้ไฟฟ้าในโรงงาน จึงทำให้เกิดความร้อนสูง ซึ่งเป็นการใช้อาคารพาณิชย์ผิดประเภท 

ซึ่งอาคารแรกที่เข้าตรวจพบว่ามีการต่อไฟตรงเข้าอาคารโดยการซ่อนใต้ฝ้าอาคาร มีนายทุนคนไทยอยู่เบื้องหลัง แต่ก็มีผู้ร่วมขบวนการอื่นๆอีก ข้างในมีเครื่องขุดบิตคอยน์ 30 เครื่อง ถ้าเปรียบเทียบเรื่องค่าไฟ จริงๆแล้วต้องเสียค่าไฟฟ้าเป็นหมื่น/เดือน แต่เสียจริงแค่หลักร้อยบาท 

บางคนอาจมองว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่แค่ลักไฟฟ้า แต่ถ้าลองคิดดูว่า หากแต่ละอาคารจะวางเครื่องขุดเงินดิจิทัล จุดละประมาณ 100 เครื่อง ต่อไฟตรงไม่ผ่านมิเตอร์วัดไฟ จะทำให้เสียค่าไฟฟ้าต่ำกว่าความเป็นจริงมาก จากที่ต้องเสียค่าไฟฟ้าประมาณเดือนละ 500,000 บาทต่อแห่ง แต่กลับจ่ายค่าไฟจริงเพียงแห่งละประมาณ 300-2,000 บาทเท่านั้น ทำให้การไฟฟ้านครหลวงเสียหายกว่า 20 ล้านบาทต่อเดือน หรือปีละเกือบ 300 ล้านบาท การที่ต้องเสียหายมากมายขนาดนี้..เรื่องมันไม่เล็กนะ.

ตำรวจชุมชนสัมพันธ์

ฝึกทบทวนยุทธวิธี
พ.ต.ต.วายุ คำภา สวป.สภ.ภูเวียง จว.ขอนแก่น ปล่อยแถวฝึกทบทวนยุทธวิธีการเข้าเผชิญเหตุบุคคลคลุ้มคลั่ง ให้กับ ร้อยเวร 20 สายตรวจรถจักรยานยนต์ สายตรวจตำบล และอาสาสมัครหน่วยกู้ภัย โดยใช้ไม้ค้ำยันแบบล็อกลำตัว ไม้ล็อกขา รุ่นใหม่ที่สั่งมาเป็นพิเศษในการฝึก โดยยึดหลักกฏความปลอดภัย และหลักยุทธวิธี ซึ่งมีประสิทธิภาพดีกว่าไม้ง่ามไม้ตะขอ รุ่นเก่า ถ้าหากเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายได้ฝึกจนเกิดความชำนาญ สามารถนำไปใช้ในการปฏิบัติหน้าที่เข้าเผชิญเหตุ ลดความสูญเสียสร้างความความปลอดภัยแก่เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติงานได้ รวมถึงตัวผู้ก่อเหตุด้วย

มอบถุงยังชีพให้ชาวบ้าน
พ.ต.ท.บดินทร์ ชูเฉลิม สว.สทล.2 กก.4 บก.ทล.ขอนแก่น พร้อมข้าราชการตำรวจทางหลวงขอนแก่น ตำรวจภูธร สภ.ท่าพระ องค์การบริหารส่วนตำบลท่าพระ อาสาจราจรตำรวจทางหลวง ร่วมกันทำกิจกรรมจิตอาสามอบสิ่งของช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ผู้ได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัย ในเขตตำบลท่าพระ จำนวน 83 ครัวเรือน ณ ศาลาประชาคม หมู่7 บ้านหนองบัวดีหมี ต.ท่าพระ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ทำทุกอย่างด้วยสำนึกเพราะเราคือตำรวจ

ติวเข้ม ตร.ชุดปฏิบัติการ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้ตำรวจภูธรจังหวัดหนองบัวลำภู ดำเนินการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดในชุมชน เพื่อเป็นต้นแบบจังหวัดสีขาวโดยเสริมสร้างให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็ง เข้าใจและรับรู้ปัญหาพิษภัยที่เกิดขึ้นจากยาเสพติด โดยใช้แนวทางการช่วยเหลือผู้ติดยาเสพติด ให้เข้ารับการบำบัดรักษาที่มีประสิทธิภาพดังนั้นเพื่อให้การแก้ไขปัญหายาเสพติด แบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ งานนี้ได้ พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน รอง ผบ.ภ.4 เปิดยุทธการฝึกอบรมวิทยากรตำรวจชุมชนยั่งยืน ขอชื่นชมข้าราชการตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดหนองบัวลำภู จำนวน 54 นาย เข้ารับการฝึกยุทธวิธีก่อนนำไปสร้างความเข้มให้ชุมชนเกิดความยั่งยืน โดยมี พล.ต.ต.พงพิพัฒน์ ศิริพรวิวัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองบัวลำภู อำนวยการฝึกอบรม และมอบหมายให้ พ.ต.อ.อัษดิน สมศรี รอง ผบก.ภ.จว.หนองบัวลำภู ประสานงานการฝึกอบรมให้เป็นไปตามนโยบาย เป้าหมายเพื่อหยุดยั้งปัญหายาเสพติด สู่จังหวัดต้นแบบสีขาวตามนโยบายของ รัฐบาลสิ้นปีนี้

****************************
คอลัมน์ : สน.รอตรวจ
โดย : บิ๊กสลีป