เมื่อวันที่ 17 พ.ย. เวลา 20.00 น. ที่หอประชุมกองทัพเรือ ถนนอรุณอมรินทร์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงอาหารค่ำ เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้นำเขตเศรษฐกิจและบรรดาผู้ที่เข้าร่วมการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง รวมถึงแขกพิเศษที่ได้รับเชิญจากประธานการประชุมเอเปค ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด โดยมีการปิดการจราจรในบางเส้นทางรอบบริเวณสถานที่จัดงาน ช่วงเวลา 18.00 – 20.00 น. และช่วงเวลา 21.00 – 23.00 น. รวมถึงมีการขอความร่วมมือจากประชาชนให้งดการเดินเรือทุกชนิดในเส้นทางการเดินเรือระหว่างสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ไปจนถึงสะพานสมเด็จพระปกเกล้า ระหว่างเวลา 16.00- 24.00 น.
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีพร้อมภริยา ได้ให้การต้อนรับบรรดาผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคที่ทยอยเดินทางเข้ามายังอาคารชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ภายในหอประชุมดังกล่าว ขณะที่คณะรัฐมนตรีของไทยพร้อมคู่สมรสได้เข้าร่วมงานดังกล่าวเช่นกัน โดยนายกรัฐมนตรีและบรรดารัฐมนตรีที่เป็นผู้ชาย ต่างผูกเนคไทผ้าไหมที่มีสีและลวดลายเดียวกัน ซึ่งลายช้างบนพื้นหลังสีน้ำเงิน
กระทั่งเมื่อเริ่มพิธีการต่างๆ ในเวลาประมาณ 21.00 น. นายกรัฐมนตรีได้ขึ้นกล่าวบนเวทีว่า ตนและภริยารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ต้อนรับทุกคนสู่ประเทศไทยและตนรู้สึกอุ่นใจที่ได้พบเพื่อนเก่าและเพื่อนใหม่ที่นี่อีกครั้งหนึ่ง ในโอกาสการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ถือเป็นการพบหน้ากันครั้งแรกในรอบ 4 ปี ขณะที่หัวข้อหลักของการประชุมเอเปคปีนี้ คือ “Open Connect Balance” ซึ่งให้ความสำคัญกับการเจริญเติบโตที่ยั่งยืนสมดุลและครอบคลุมผ่านแนวคิดโมเดลเศรษฐกิจบีซีจี แต่ก่อนที่เราจะเริ่มการหารือในวันพรุ่งนี้ (18 พ.ย.) ตนขอเชิญทุกท่านดื่มด่ำกับอาหารไทยรสเลิศ และการแสดงทางวัฒนธรรมในค่ำคืนนี้เพื่อเป็นการผ่อนคลาย โดยเราได้นำอาหารอันโอชะจากทั้ง 4 ภาคของประเทศไทยมาให้ท่านได้ลิ้มรส อาหารแต่ละรายการถูกปรุงขึ้นจากวัตถุดิบที่เราเฟ้นหาจากผู้ผลิตในท้องถิ่น ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นสมาชิกของวิสาหกิจชุมชนที่ส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าและความยั่งยืนในอุตสาหกรรมอาหาร
“หากท่านมองออกไปนอกห้องนี้ ท่านจะเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาหรือแม่น้ำของพระราชา ซึ่งเป็นสายน้ำแห่งชีวิต และเป็นเส้นทางหลักของการค้า การเดินทาง และการพัฒนาของคนไทยจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ส่วนห้องจัดเลี้ยงที่เราอยู่ในขณะนี้ ก็มีชื่อว่า ‘เจ้าพระยา’ และเคยเป็นสถานที่ที่เราใช้ต้อนรับผู้นำเมื่อครั้งที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปคในปี 2546 หลังจากอาหารค่ำ ผมขอเชิญทุกท่านร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลลอยกระทงประจำปีซึ่งเป็นประเพณีเก่าแก่ที่สืบทอดมาอย่างยาวนานในประเทศไทย และจัดขึ้นในเดือนนี้ทุกปี ผมหวังว่าทุกท่านจะสุขสำราญไปกับอาหารมื้อพิเศษและค่ำคืนนี้ ผมขอเชิญทุกท่านดื่มให้กับสุขภาพของพวกเราและความสำเร็จของการประชุมที่กำลังจะเริ่มขึ้น”นายกรัฐมนตรี กล่าว
จากนั้น เข้าสู่การแสดงชุดต่างๆ ที่กระทรวงวัฒนธรรมจัดเตรียมไว้ ซึ่งเริ่มด้วย “เบิร์ด – ธงไชย แมคอินไตย์” ศิลปินนักร้องชื่อดัง ขับร้องเพลงพระราชนิพนธ์ “แผ่นดินของเรา” ตามด้วยการบรรเลงบทเพลงโดยวงดุริยางค์ 4 เหล่าทัพ พร้อมวงดนตรีไทยร่วมสมัยกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ประกอบกับการขับร้องเพลงโดยศิลปินระดับแนวหน้าของไทยอีกหลายคน อีกทั้งมีการแสดงแฟชั่นโชว์ผ้าไหมไทยร่วมสมัยจากดีไซน์เนอร์เขตเศรษฐกิจเอเปคทั้ง 21 เขต นอกจากนี้ยังมีการแสดงประเพณีดั้งเดิมจาก 4 ภาคของไทย มาร้อยเรียงกับการแสดงร่วมสมัย รวมถึงจัดจำลองบรรยากาศประเพณีลอยกระทงของไทย อาทิ ลอยกระทง ลอยกระทงสาย ไหลเรือไฟในแม่น้ำเจ้าพระยา
ส่วนเมนูอาหารที่เสิร์ฟแก่ผู้นำเอเปคและคู่สมรสในงานนี้ รังสรรค์โดยนายชุมพล แจ้งไพร เชฟชาวไทยชื่อดัง พร้อมทีมงาน โดยใช้วัตถุดิบที่ได้รับการคัดสรรจากแหล่งผลิตท้องถิ่นทั่วประเทศไทย ซึ่งรายการอาหารดังกล่าว ประกอบด้วย 5 คอร์ส ได้แก่ อาหารทานเล่น อาหารเรียกน้ำย่อย สลัด อาหารจานหลัก และของหวาน โดยอาหารทานเล่น คือ กระทงทองไส้ครีม ท็อปด้วยคาเวียร์จากโครงการหลวง ดอยอินทนนท์ จานเรียกน้ำย่อยเสิร์ฟ ชุดของดีจาก 4 ภาค ประกอบด้วย หมี่กรอบข้าวซอย ต้มยำกุ้งแม่น้ำ เนื้อย่างวากิวจิ้มแจ่ว จากโคราช และไก่ย่างกอและ บรรจุในกล่องไม้สักทอง ไม้ทรงคุณค่าของไทย ส่วนอาหารจานสลัด เป็นยำใหญ่จากผักออแกนิก ทานกับไก่ออร์แกนิก และกุ้งมังกร 7 สี จากจ.ภูเก็ต
ขณะที่อาหารจานหลัก ได้แก่ สตูผัก มัสมั่นเนื้อโพนยางคำ และเนื้อวากิว ปลาเก๋ามุก และข้าวหอมมะลิ จากทุ่งกุลาร้องไห้ ของหวานที่ทานคู่กับชาหรือกาแฟ คือ หม้อแกงเผือกที่ใช้น้ำตาลโตนดจากจ.เพชรบุรี ขนมดาราทอง ขนมเปียกปูนใบเตย มาการองลิ้นจี่ ขนมดอกมะลิ ช็อกโกแลต สอดไส้กระชายดำ และสุดท้ายคือ ผลไม้ตามฤดูกาล 7 ชนิด
ขอบคุณภาพจากเพจ ไทยคู่ฟ้า