สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 17 ส.ค.ว่านายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรมว.การต่างประเทศของจีน สนทนาทางโทรศัพท์กับนายแอนโทนี บลิงเคน รมว.การต่างประเทศของสหรัฐ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ในประเด็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในอัฟกานิสถาน ซึ่งกลุ่มตาลีบันหวนคืนสู่อำนาจอย่างเป็นทางการ ครั้งแรกในรอบ 20 ปี คือการสะท้อนได้อย่างชัดเจนว่า "โมเดลต่างชาติ" ไม่สามารถใช้ได้ "ตามอำเภอใจ" ในประเทศซึ่งเต็มไปด้วย "เงื่อนไขทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่แตกต่าง"
ขณะเดียวกัน การใช้มาตรการทางทหารไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ แต่ในทางกลับกันมีแต่จะยิ่งเพิ่มความยุ่งยากมากขึ้นเท่านั้น สมควรอย่างยิ่งที่ทุกฝ่ายจะใช้เรื่องราวตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมาในอัฟกานิสถาน เป็นกรณีศึกษาและถอดบทเรียนอย่างละเอียด
อย่างไรก็ตาม หวังยืนยันกับบลิงเคน ว่ารัฐบาลปักกิ่งพร้อมและยินดีร่วมมือกับรัฐบาลวอชิงตัน ในการป้องกันไม่ให้อัฟกานิสถานต้องเผชิญกับสงครามกลางเมือง และวิกฤติด้านมนุษยธรรม ซึ่งเป็น "ผลกระทบเชิงลบอย่างร้ายแรง" จากการที่สหรัฐถอนทหาร "ด้วยความรีบเร่ง" แต่รัฐบาลวอชิงตัน "ไม่มีสิทธิและไม่สามารถ" กดดัน "สิทธิอันชอบธรรม" ของจีน ที่มีต่อสถานการณ์ในอัฟกานิสถาน และทิ้งท้ายด้วยการวิจารณ์สหรัฐ "สองมาตรฐาน" จากการถอนชื่อขบวนการอิสลามเตอร์กิสถานตะวันออก ( อีทิม ) ซึ่งเคลื่อนไหวอยู่ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์
CGTN

อนึ่ง คณะสมาชิกอาวุโสของกลุ่มตาลีบัน นำโดยนายมุลเลาะห์ อับดุล กานี บาราดาร์ ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มตาลีบัน เข้าพบหวัง ที่เทศบาลนครเทียนจิน เมื่อปลายเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา


ขณะที่ น.ส.หัว ชุนหยิง โฆษกหญิงกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าวเมื่อวันจันทร์เช่นกัน ว่ากลุ่มตาลีบันแสดงความมุ่งมั่นต้องการเสริมสร้าง “ความสัมพันธ์ที่ดี” กับรัฐบาลปักกิ่ง โดยต้องการให้จีนมีบทบาทในการฟื้นฟูและพัฒนาอัฟกานิสถาน ซึ่งจีนมีความยินดีต่อท่าทีดังกล่าว

อย่างไรก็ดี รัฐบาลปักกิ่งขอให้กระบวนการเปลี่ยนผ่านอำนาจ "เป็นไปอย่างสันติและราบรื่น" ขณะที่พลเมืองอัฟกันทุกเพศและวัยต้องมีเสรีภาพและสิทธิในการตัดสินใจเกี่ยวกับ "ชีวิตของตัวเอง" ด้านสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงคาบูลยังคงเปิดให้บริการตามปกติ โดยมีการจับตาความเปลี่ยนแปลงในอัฟกานิสถานอย่างใกล้ชิด อนึ่ง จีนอพยพพลเมืองบางส่วนออกจากอัฟกานิสถาน เมื่อเดือนที่แล้ว.

เครดิตภาพ : REUTERS